นับตั้งแต่ที่ Apple ประกาศคุณสมบัติของระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 11 ในงาน WWDC 2017 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บัดนี้ iOS 11 Beta ได้มีการเปิดให้ทดลองใช้และปรับปรุงการทำงานมาจนถึงเวอร์ชั่นสุดท้ายแล้ว ซึ่งผู้ใช้งานจะได้เห็นขีดความสามารถที่ดียิ่งขึ้นทั้งบน iPhone และ iPad โดยหลังจากที่ปล่อยเวอร์ชั่น GM ตัวเต็มให้กับนักพัฒนาไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมาแล้ว ก็เตรียมปล่อยตัวเต็มสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 กันยายนซึ่งตรงกับเวลา 0.00 น.ของวันที่ 20 กันยายนในประเทศไทยนั่นเอง โดยสามารถอัพเดทได้ง่ายๆผ่านทาง OTA ที่ตัวเครื่องเช่นเคยและต้องไม่ลืมสำรองข้อมูลสำคัญก่อนทำการติดตั้ง มาดูกันว่าคุณสมบัติเด่นๆของ iOS 11 มีอะไรบ้าง
iPad ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าเดิม
iOS 11 ทำให้การทำงานแบบมัลติทาสก์บน iPad ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าเดิม โดยมาพร้อมกับ Dock แบบใหม่ที่ปรับแต่งได้ซึ่งช่วยให้เข้าถึงแอพและเอกสารที่ใช้งานบ่อยจากหน้าจอใดก็ตามได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งแถบสลับแอพที่ได้รับการออกแบบใหม่ยังช่วยให้สลับไปมาระหว่างคู่แอพที่ใช้งานอยู่ในมุมมอง Split View และ Slide Over ได้ แอพ Files ใหม่จะเก็บรวบรวมไฟล์ทั้งหมดไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะจัดเก็บไฟล์ไว้ในอุปกรณ์ ใน iCloud Drive หรือเก็บไว้กับผู้ให้บริการรายอื่นๆ เช่น Box, Dropbox และอื่นๆ อีกทั้งเนื่องจากคุณสามารถใช้คุณสมบัติลากแล้ววางได้ทั่วทั้งระบบ คุณจึงสามารถย้ายรูปภาพและข้อความได้ง่ายกว่าเดิม Apple Pencil ทำงานสอดประสานกับ iPad ได้มากยิ่งขึ้น โดยรองรับการวาดในตัว และคุณสมบัติ Instant Notes ใหม่ช่วยให้เปิดโน้ตจากหน้าจอ Lock Screen ได้เพียงแค่แตะ Apple Pencil บนหน้าจอ
ประสบการณ์ AR สำหรับ iPhone และ iPad
Apple เผยแพลตฟอร์มใหม่ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างประสบการณ์ AR คุณภาพสูงให้กับ iPhone และ iPad ได้โดยใช้กล้องในตัว โปรเซสเซอร์ที่ทรงประสิทธิภาพ และเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวในอุปกรณ์ iOS ARKit ช่วยให้นักพัฒนาใช้งานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิทัศน์ล่าสุดเพื่อสร้างคอนเทนต์เสมือนที่มีข้อมูลโดยละเอียดและน่าสนใจไว้ด้านบนสุดของฉากต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เพื่อใช้งานในเกมเชิงโต้ตอบ ประสบการณ์การซื้อสินค้าในความจริงเสมือน การออกแบบอุตสาหกรรม และอื่นๆ
Siri มีประโยชน์มากขึ้นและฟังดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งกว่าเดิม
Siri คือผู้ช่วยส่วนตัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยในแต่ละเดือนมีอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานอยู่มากกว่า 375 ล้านเครื่องจาก 36 ประเทศใช้งาน Siri เนื่องจากใช้งานคุณสมบัติที่มีความก้าวหน้าล่าสุดด้านการเรียนรู้ของระบบและปัญญาประดิษฐ์ เสียงผู้ชายและผู้หญิงแบบใหม่จึงฟังดูเป็นธรรมชาติและแสดงอารมณ์ผ่านน้ำเสียงมากขึ้น โดยมีการปรับเสียงสูงต่ำ ระดับเสียง การเน้นเสียง และจังหวังในขณะพูด อีกทั้งสามารถแปลคำและวลีในภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน หรือสเปนได้ Siri ยังมีคุณสมบัติอื่นนอกจากเรื่องเสียง คือใช้การเรียนรู้ในอุปกรณ์เพื่อมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลมากขึ้น อีกทั้งให้คำแนะนำตามการใช้งานส่วนบุคคลในแอพ Safari, Mail, Messages และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ Siri กำลังเรียนรู้หัวข้อหรือสถานที่ที่ผู้ใช้สนใจเมื่อใช้งาน Safari ระบบจะแนะนำหัวข้อหรือสถานที่เหล่านั้นเมื่อพิมพ์ในแอพ Mail, Messages และแอพอื่นๆ
คุณสมบัติระดับมืออาชีพของแอพ Camera และ Photos
เมื่อใช้งาน iOS 11 คุณสามารถถ่ายภาพในโหมดภาพถ่ายบุคคลได้โดยใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล, แฟลช True Tone และ HDR เพื่อให้ทุกช็อตดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งกว่าเดิม Live Photos มีลูกเล่นมากขึ้น โดยมาพร้อมกับเอฟเฟ็กต์ Loop และ Bounce ใหม่ซึ่งช่วยสร้างลูปวิดีโอที่แสดงผลต่อเนื่อง อีกทั้งคุณสมบัติการเปิดรับแสงเป็นเวลานานยังช่วยให้บันทึกรายละเอียดของกาลเวลาและความเคลื่อนไหวได้ด้วย ในแอพ Photos ภาพยนตร์ Memory จะได้รับการปรับให้เล่นทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ส่วนความทรงจำอื่นๆ เช่น รูปภาพสัตว์เลี้ยงหรือวันเกิด จะสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ ใน iOS 11 นั้น Apple ได้นำเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า High Efficiency Image File Format (HEIF) มาใช้เป็นครั้งแรกซึ่งลดขนาดไฟล์ของรูปภาพทุกรูปที่ถ่ายด้วย iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
โหมดห้ามรบกวนในขณะขับรถ
iOS 11 เสนอหนทางใหม่ที่ช่วยให้ผู้ขับรถมีสมาธิจดจ่ออยู่ที่ถนนได้อย่างต่อเนื่องโดยใช้โหมดห้ามรบกวนในขณะขับรถ iPhone สามารถตรวจพบช่วงเวลาที่คุณน่าจะกำลังขับรถอยู่ และสามารถปิดเสียงการแจ้งเตือนให้โดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้หน้าจอสว่าง ผู้ใช้สามารถส่งข้อความตอบกลับอัตโนมัติไปยังรายชื่อในรายการโปรดเพื่อแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบว่าผู้ใช้กำลังขับรถอยู่และไม่สามารถตอบกลับได้จนกว่าจะถึงที่หมาย
คุณสมบัติเพิ่มเติมของ iOS 11
— ศูนย์ควบคุมให้คุณปรับแต่งได้มากขึ้น โดยช่วยให้เข้าถึงการควบคุมทั้งหมดที่ใช้งานบ่อยได้ในหน้าเดียว อีกทั้งหน้าจอ Lock Screen ใหม่ยังช่วยให้ดูการแจ้งเตือนทั้งหมดในที่เดียวได้สะดวกยิ่งขึ้น
— โหมดคีย์บอร์ดมือเดียวบน iPhone ช่วยให้พิมพ์ข้อความในระหว่างที่ทำงานอื่นได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งคีย์บอร์ด QuickType บน iPad ช่วยให้ใช้งานตัวเลข สัญลักษณ์ และเครื่องหมายวรรคตอนได้อย่างรวดเร็ว
