Apple Watch รุ่นใหม่ในปีนี้ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Apple Watch SE รุ่นที่ 2, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว ซึ่งออกมาทำตลาดแทนที่ Series 7 ในปีที่แล้ว ส่วนจะมีความเหมือนหรือแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร และมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เลื่อนลงมาอ่านรีวิวกันได้เลย
สเปก Apple Watch Series 8
- จอภาพ LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display
- ชิป SiP รุ่น S8 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64-bit, ชิประบบไร้สาย W3 และ ชิป U1 (Ultra Wideband)
- ความจุ 32GB ทั้งรุ่น GPS + Cellular และ GPS
- ตรวจจับการชนกัน, ตรวจจับการล้ม, ตรวจสอบเสียงรบกวน, ติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ, ติดตามค่าอุณหภูมิ, ติดตามรอบเดือน
- เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3, มาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด, เข็มทิศ, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง, ไจโรสโคปแบบช่วงไดนามิกสูง, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
- ระบบนำทาง GPS (L1), GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
- ลำโพงและไมโครโฟนในตัว
- SOS ฉุกเฉิน, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
- ผ่านการรับรองทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร และทนฝุ่นที่ระดับ IP6X
- การเชื่อมต่อรุ่น GPS: Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
- การเชื่อมต่อรุ่น GPS + Cellular: 4G LTE, 3G UMTS, Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
- แบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเรือน (45 มม.) 45 x 38 มม. x 10.7 มม.
- น้ำหนัก (45 มม.) 38.8 – 51.5 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)
- ขนาดตัวเรือน (41 มม.) 41 x 35 x 10.7 มม.
- น้ำหนัก (41 มม.) 31.9 – 42.3 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)
แกะกล่อง Apple Watch Series 8
Apple Watch Series 8 จัดส่งมาในกล่องรูปทรงแท่งสีขาวแบนๆ มีกระดาษห่อหุ้มชั้นนอก ด้านบนมีโลโก้ Apple Watch ข้างใต้ระบุชื่อรุ่น ขนาดตัวเรือน และอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง โดย Apple Watch Series 8 ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เป็นรุ่น 45 มม. ตัวเรือนอะลูมิเนียม สีมิดไนท์ พร้อมสาย Sport Band สีมิดไนท์เช่นกัน
เมื่อแกะแผ่นกระดาษชั้นนอกออกมา จะพบว่าภายในแบ่งออกเป็น 2 กล่อง โดยกล่องบนพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ Apple Watch อีกกล่องพิมพ์รูปภาพสาย Apple Watch บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าแต่ละกล่องเก็บอะไรไว้
กล่อง Apple Watch Series 8 ปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวตรงขอบกล่องทั้ง 2 ด้าน เมื่อลอกแถบกระดาษกาวออกไป ก็สามารถยกฝากล่องขึ้นได้อย่างง่ายดาย และภายในกล่องจะพบกับตัวเรือน Apple Watch วางแยกช่องกับซองเอกสารต่างๆ
ใต้ช่องเก็บเอกสาร จะพบสายชาร์จแบบแม่เหล็กที่ใช้พอร์ต USB-C
สำหรับกล่องบรรจุสาย Apple Watch ก็ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวเช่นกัน ภายในมีสายให้เลือกใช้ตามขนาดข้อมือ ได้แก่ M/L และ S/M พร้อมด้วยแผ่นพับแนะนำวิธีการติดตั้งสายกับตัวเรือน
ดีไซน์เดิมเน้นเพิ่มเติมนวัตกรรม
ดีไซน์โดยรวมของ Apple Watch Series 8 แทบจะแยกไม่ออกว่าแตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่างไรบ้าง เนื่องจาก Apple มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมใหม่ อีกทั้ง Apple Watch Series 7 ก็ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ Apple เปลี่ยนแปลงดีไซน์ในช่วงเวลาที่ห่างกันเพียง 1 ปี
ตัวเรือน Apple Watch Series 8 มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ทั้ง 2 ขนาดมีวัสดุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ อะลูมิเนียม และ สแตนเลสสตีล โดยตัวเรือนอะลูมิเนียม ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีสตาร์ไลท์, สีเงิน, สีแดง (PRODUCT)RED และ สีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว เรียกว่าสีมิดไนท์ ขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีลมาในสีเงิน, สีกราไฟต์ และ สีทอง
ด้านหน้าเป็นคริสตัลที่มีความหนาพร้อมฐานที่แบน เพื่อความแข็งแกร่ง และทนทานต่อการแตกร้าว มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display สามารถมองหน้าจอเพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องปลุกหน้าจอ ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต ป้องกันรอยด้วยกระจกหน้า Ion‑X สำหรับตัวเรือนอะลูมิเนียม และใช้ผลึกแซฟไฟร์สำหรับตัวเรือนสแตนเลสสตีล
ด้านหลังใช้วัสดุเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับวัดสุขภาพทั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 และมีเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิเพิ่มเข้ามา แต่ไม่ได้ใช้สำหรับวัดไข้อย่างที่เคยมีข่าวลือ ส่วนจะมีความสำคัญอย่างไร? อ่านต่อไปก็จะได้ทราบกัน
ด้านข้างตัวเรือนมีปุ่ม Digital Crown ตอบสนองแบบสั่นเมื่อถูกหมุน ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และปุ่มกดด้านข้าง
อีกข้างเป็นช่องลำโพง ส่วนความบางนั้นอยู่ที่ 10.7 มม. เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด 41 มม. หรือ 45 มม.
นอกจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน Apple Watch Series 8 ยังได้รับรองมาตรฐานกันฝุ่นที่ระดับ IP6X และยังป้องกันน้ำถึง 50 เมตร (WR50) ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 จึงสามารถสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมในน้ำตื้น อย่างว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ควรสวมใส่ลงไปดำน้ำลึก หรือ เล่นกีฬาผาดโผนทางน้ำ
จอแสดงผล
Apple Watch Series 8 มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina ความละเอียด 396 x 484 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 1,143 ตร.มม. สำหรับรุ่น 45 มม. และ ความละเอียด 352 x 430 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 904 ตร.มม. สำหรับรุ่น 41 มม.
ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 41 มม. หรือ 45 มม. ต่างก็มีพื้นที่จอภาพที่กว้างสุดขอบ ให้พื้นที่ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 6 ให้ความสว่าง 1,000 นิต และรองรับการแสดงผลแบบ Always-On จึงมองเห็นหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่ได้ยกข้อมือขึ้นมา นอกจากนี้ จอภาพขนาดใหญ่ยังรองรับกลไกหน้าปัดได้ทั้งหมด และยังช่วยให้การแตะ พิมพ์ หรือปัดทำได้อย่างรวดเร็ว
ติดตามค่าอุณหภูมิ
Apple Watch Series 8 ได้รับเซ็นเซอร์ใหม่ สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้สวมใส่ และติดตั้งมาให้ 2 ตัว (เซ็นเซอร์ตัวหนึ่งจะอยู่ที่ด้านหลังของนาฬิกาซึ่งใกล้กับผิวหนังที่สุด และเซ็นเซอร์อีกตัวจะอยู่ใต้จอภาพ) ช่วยบันทึกอุณหภูมิบนข้อมือเพื่อคาดคะเนช่วงไข่ตก และคาดคะเนรอบเดือน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้าสวมใส่ที่เป็นผู้หญิง ที่กำลังวางแผนการมีบุตร นอกจากนี้ ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือน ยังสามารถส่งการแจ้งเตือน หากประวัติรอบเดือนที่บันทึกไว้แสดงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ หรือ มานานกว่าปกติ
เมื่อผู้ใช้งานสวม Apple Watch Series 8 ในเวลากลางคืน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ จะสุ่มตรวจตัวอย่างอุณหภูมิจากข้อมือทุกๆ 5 วินาที เพื่อให้ผู้ใช้งานดูความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายในตอนกลางคืน และสามารถเทียบกับช่วงที่ผ่านมาได้ในแอปสุขภาพ โดยเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุดได้ถึง 0.1 องศาเซลเซียส ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ
ตรวจจับการชนกัน
นอกเหนือจากฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม Apple Watch Series 8 ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ตรวจจับการชนกัน หรือ Crash Detection ทำให้ Apple Watch รุ่นใหม่ สามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ประสบเหตุรถชน หรือ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หลังจากตรวจจับการชนแล้ว Apple Watch Series 8 จะโทรไปยังบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานไม่ตอบสนอง พร้อมแจ้งเตือนไปยังผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน และส่งตำแหน่งปัจจุบันไปให้หน่วยบริการฉุกเฉินด้วย
ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันใน Apple Watch Series 8 อาศัยการทำงานร่วมกันของไจโรสโคปแบบ 3 แกนม เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง ตรวจจับแรง g ได้สูงสุด 256, ไมโครโฟน, บารอมิเตอร์, GPS รวมถึงอัลกอริทึมแบบรวมเซ็นเซอร์ขั้นสูง ซึ่งพัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับขี่และการชนกันที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงกว่า 1 ล้านชั่วโมง สำหรับตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ การโทรออกไปยังหน่วยฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ ทำได้เฉพาะ Apple Watch รุ่น GPS + Cellular กรณีใช้รุ่น GPS จะต้องจับคู่กับ iPhone ที่อยู่ใกล้ เพื่อให้ระบบอัตโนมัติโทรผ่าน iPhone (ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันยังมีอยู่ใน Apple Watch Ultra, Apple Watch SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 14 ทุกรุ่น)
ติดตามสุขภาพ
ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครัน ที่มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ ก็ยังถูกถ่ายทอดมาถึง Apple Watch Series 8 ไม่ว่าจะเป็นการวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) ที่ให้ผู้ใช้งานอ่านค่าออกซิเจนในเลือดได้ทุกเมื่อที่ต้องการผ่านแอปออกซิเจนในเลือด และยังทำการอ่านค่าที่วัดได้ในเบื้องหลังทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย
ผู้ใช้ Apple Watch Series 8 ยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ทันทีที่ต้องการ ด้วยแอปอัตราการเต้นของหัวใจ และยังมีการแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ หาก Apple Watch พบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วหรือช้าผิดปกติ รวมถึงยังมี ECG การวัดคล่นไฟฟ้าหัวใจอีกด้วย
สำหรับผู้ใช้งานที่มีโรคประจำตัว หรือ มีอาการป่วยจนต้องรับประทานยา Apple Watch Series 8 ก็สามารถแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาทานยาหรือวิตามิน โดยเข้าไปบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับตัวยาหรือวิตามินในแอปทานยา สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีอาการป่วย แต่มีอาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ ก็สามารถใช้แอปทานยาบันทึกข้อมูลของอาหารเสริมได้เช่นกัน ช่วยป้องกันไม่ให้ลืมทานเมื่อถึงเวลา
Apple Watch Series 8 ยังสามารถติดตามสุขภาพการนอนหลับ ซึ่งจะคอยบันทึกข้อมูลการนอนหลับขณะสวมใส่ในเวลากลางคืน และตื่นมาดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าใช้เวลานอนในระยะหลับฝัน นอนหลับจริง หรือหลับลึกมากแค่ไหน เพื่อปรับปรุงการนอนหลับในคืนต่อไป
ติดตามการออกกำลังกาย
แอปการออกกำลังกาย ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ด้วย watchOS 9 ที่มาพร้อมมุมมองใหม่ๆ ในระหว่างเซสชั่น เช่น เซ็กเมนต์ สปลิทส์ และ ระดับความสูง ให้ข้อมูลการออกกำลังกายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานยังสามารถยกระดับการฝึกซ้อมไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์การออกกำลังกายขั้นสูงที่มีทั้งโซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย
โซนอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถรับรู้ว่าผู้ใช้สวมใส่ออกกำลังกายเข้มข้นแค่ไหน เพื่อคำนวณและปรับแต่งโดยอัตโนมัติผ่านการใช้ข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้งาน หรือคุณจะสร้างขึ้นเองก็ได้
Apple Watch Series 8 ยังสามารถปรับแต่งช่วงเวลาการออกกำลังกายและการฟื้นฟูให้เหมาะกับสไตล์การออกกำลังกายของผู้ใช้งาน และคอยส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเวลาเฉลี่ยต่อระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็วรอบขา และ พลังงานได้อีกด้วย
แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 36 ชั่วโมง
Apple Watch Series 8 มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง แต่ด้วยโหมดประหยัดพลังงานใหม่ (Low Power Mode) จึงสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม Low Power Mode จะปิดใช้งานหรือจำกัดการทำงานของเซ็นเซอร์และคุณสมบัติบางตัวชั่วคราว รวมถึงปิดการแสดงผลแบบ Always-On รวมถึงปิดฟีเจอร์การเริ่มออกกำลังกายอัตโนมัติ การแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ และ อื่นๆ
watchOS 9
Apple Watch Series 8 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ watchOS 9 ที่ช่วยยกระดับการออกกำลังกายของผู้สวมใส่ที่เป็นนักไตรกีฬา ที่ทำกิจกรรมทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือวิ่งต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ก็มีการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตที่จะตรวจจับโดยอัตโนมัติ แล้วสลับระหว่างการออกกำลังกายแต่ละประเภทได้ง่ายๆ watchOS 9 ยังช่วยติดตามว่าผู้ใช้วิ่งอย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยค่าฟอร์มการวิ่งใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มลงในมุมมองขณะออกกำลังกายได้มีทั้งความยาวก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น และการกระเด้งตัวในแนวดิ่ง
แอปเข็มทิศใน watchOS 9 สามารถดึงข้อมูลเชิงลึกขึ้นมาแสดงมากขึ้นใน 3 มุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองแบบผสม ที่แสดงทั้งหน้าปัดเข็มทิศแบบอนาล็อกพร้อมๆ กับมุมมองแบบดิจิทัลได้ เมื่อหมุน Digital Crown ผู้ใช้จะเห็นมุมมองอื่นๆ เพิ่มเติมที่แสดงละติจูด ลองจิจูด ระดับความสูง และความชัน รวมทั้งมุมมองสำหรับการใช้เข็มทิศนำทางที่แสดงจุดอ้างอิงเข็มทิศและการติดตามการเดิน
ฟีเจอร์ติดตามการเดิน จะใช้ข้อมูล GPS เพื่อสร้างเส้นทางที่ผู้ใช้เดินผ่านมา ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่หลงทิศหรือหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือในการเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้คุณสมบัตินี้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณได้ด้วย และยังมีฟีเจอร์จุดอ้างอิงเข็มทิศ เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วในการปักตำแหน่งหรือจุดสนใจลงในแอปโดยตรง แตะไอคอนจุดอ้างอิงเข็มทิศเพื่อวางจุดอ้างอิง เมื่อเลือกจุดอ้างอิง ก็จะเห็นมุมมองแบบเจาะจงที่แสดงทิศทางของจุดอ้างอิงนั้น รวมถึงระยะทางโดยประมาณว่าจุดอ้างอิงนั้นอยู่ห่างออกไปเท่าไหร่
ผู้ใช้ Apple Watch ด้วยฟีเจอร์ ECG ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ประวัติภาวะ AFib ที่ผ่านการรับรองโดย US FDA และเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ รวมถึงค่าโดยประมาณว่าจังหวะการเต้นของหัวใจแสดงสัญญาณของภาวะ AFib บ่อยแค่ไหน และยังดูประวัติโดยละเอียดได้ในแอปสุขภาพบน iPhone รวมถึงปัจจัยในการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลต่อภาวะ AFib
watchOS 9 ยังเพิ่มหน้าปัดนาฬิกา Nike ให้ผู้ใช้ Apple Watch ทุกรุ่น (ที่รองรับ watchOS 9) ได้ดาวน์โหลดไปใช้ และสามารถซื้อสาย Nike แบบ Sport Band และสายแบบ Sport Loop ใหม่พร้อมโลโก้ “Just Do It” ที่ถักทอลงบนสาย มาสลับเปลี่ยนได้เอง
สรุปราคาและการจำหน่าย
Apple Watch Series 8 ถูกสร้างมาทำตลาดแทนที่ Apple Watch Series 7 โดยยกคุณสมบัติทุกอย่างที่ดีอยู่แล้วจากรุ่นก่อนมาอยู่ในรุ่นใหม่ และเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการตรวจจับการชน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ และยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน ทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีความสามารถอีกมากมายจาก watchOS 9 ทำให้ Apple Watch Series 8 เป็นทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติของร่างกายได้ทันท่วงที เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch รุ่นเก่าที่ต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Apple Watch Series 8 พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท