OPPO เริ่มต้นปี 2025 ด้วยสมาร์ตโฟน AI สุดล้ำ OPPO Reno13 Series 5G ที่มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno13 F 5G, OPPO Reno13 5G และ OPPO Reno13 Pro 5G โดยทีมงาน @flashfly ได้รับ OPPO Reno13 F 5G กับ OPPO Reno13 5G มารีวิว ซึ่งทั้งคู่มาพร้อม AI Livephoto เปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาให้มีชีวิต เก็บครบทุกช่วงเวลาสำคัญด้วยความคมชัด และยังเป็น”สมาร์ตโฟนระดับกลางเพียงหนึ่งเดียวจาก OPPO ที่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้” ด้วยมาตรฐานป้องกันน้ำระดับสูงสุด IP69 อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยเครื่องมือ AI ที่ช่วยยกระดับการถ่ายภาพ รวมถึงแก้ไขภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
แกะกล่อง OPPO Reno13 Series 5G
สมาร์ตโฟน OPPO Reno13 F 5G และ Reno13 5G บรรจุมาในกล่องสีขาว หน้ากล่องระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน ใต้โลโก้ OPPO AI และมีตัวเลข 13 ขนาดใหญ่ อยู่ในกรอบสีเงินที่มีลวดลายปีกผีเสื้อแบบเดียวกับที่พบบนฝาหลังของ OPPO Reno13 Series 5G และยังติดชื่อรุ่นสมาร์ตโฟนไว้ที่ข้างกล่อง
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมาจะพบซองเอกสารสีขาว ภายในมีคู่มือฉบับเร่งด่วน, คู่มือความปลอดภัย และแถมเคสมาให้ด้วย ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ตโฟน ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้อย่างดี ส่วนชั้นล่างสุดมีช่องเก็บสายชาร์จ เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด และหัวชาร์จ Power Adapter โดย OPPO Reno13 F 5G ได้รับหัวชาร์จ 45W SUPERVOOC ขณะที่ OPPO Reno13 5G มาพร้อมหัวชาร์จ 80W SUPERVOOC
OPPO Reno13 F 5G
อัปเกรดการถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้โปรยิ่งขึ้นกับสมาร์ตโฟน OPPO Reno13 F 5G ที่มาพร้อม AI Livephoto เปลี่ยนภาพถ่ายธรรมดาให้มีชีวิต อีกทั้งยังสามารถแชร์ข้ามแพลตฟอร์มไปยังอุปกรณ์ iOS ซึ่งไม่มี Android แบรนด์ไหนทำได้มาก่อน และยังได้รับมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ IP69 ทำให้เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้
OPPO Reno13 F 5G อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือแก้ไขภาพอย่าง AI Clarity Enhancer, AI Unblur และ AI Reflection Remover หรือจะเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมออนไลน์ AI LinkBoost 2.0 และ AI HyperBoost นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์สวยงามไม่ซ้ำใครด้วยลวดลายปีกผีเสื้อสำหรับสีม่วง Plume Purple ที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว
สเปก OPPO Reno13 F 5G
- จอแสดงผล OLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP Main + 8MP Ultra Wide + 2MP Macro Camera
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB / RAM 12GB + ROM 512GB
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP66, IP68 และ IP69
- แบตเตอรี่ 5800mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีม่วง Plume Purple, สีเทา Graphite Grey และ สีฟ้า Luminous Blue
- น้ำหนัก 192 กรัม
ดีไซน์ปีกผีเสื้อ กันน้ำ IP69
OPPO Reno13 F 5G มีดีไซน์ขอบเหลี่ยมช่วยให้จับถนัดมือ โดยมีความบางเพียง 7.76 มิลลิเมตร น้ำหนัก 192 กรัม ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทา Graphite Grey ที่เน้นความเรียบหรูเข้ากับผู้ใช้งานทุกคน, สีฟ้า Luminous Blue ให้ความโดดเด่นด้วย Luminous Loop และสีม่วง Plume Purple ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว มีจุดเด่นที่ลวดลายปีกผีเสื้อบนฝาหลัง
นอกเหนือจากความสวยงาม OPPO Reno13 F 5G ยังถูกสร้างมาให้ต้านทานฝุ่นและน้ำในระดับสูงสุด IP69 แม้แต่เรือธงราคาแพงในตลาดยังป้องกันได้ในระดับ IP68 นั่นทำให้ OPPO Reno13 F 5G สามารถป้องกันน้ำที่มีอุณหภูมิสูง 80 องศาเซลเซียส และอยู่รอดในน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที (ระดับ IP68 สามารถทนต่อน้ำที่อุณหภูมิปกติ ภายใต้ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร)
ด้านการป้องกันน้ำได้อย่างดีเยี่ยมถึงระดับ IP69 ส่งผลให้ OPPO Reno13 F กลายเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางเพียงหนึ่งเดียวที่รองรับการถ่ายภาพใต้น้ำ ซึ่งในแอปกล้องจะมีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำมาให้ด้วย
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมจอแสดงผล OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080p ดีไซน์ขอบหน้าจอบางเป็นพิเศษ ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูง 92.2% และติดตั้งกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมบนหน้าจอ
ขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.76 มิลลิเมตร (สำหรับสีม่วง Plume Purple) ใช้วัสดุโลหะผสมที่มีความทนทานสูง ขณะที่ภายในมีฟองน้ำไบโอนิคกันกระแทก ช่วยปกป้องตัวเครื่องรอบด้าน และป้องกันความเสียหายจากการตกกระแทกได้เป็นอย่างดี
ปุ่มกดด้านข้าง ติดตั้งไว้ในฝั่งเดียวกัน โดยวางปุ่มปรับระดับเสียงไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนมีตำแหน่งไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างเมื่อใช้งานฟีเจอร์ด้านเสียง ไม่ว่าจะสนทนา บันทึกเสียงหรือวิดีโอ และมีลำโพงตัวที่ 2 จึงให้เสียงในระบบสเตอริโอ
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
ลำโพงสเตอริโอของ OPPO Reno13 F 5G ให้เสียงรอบทิศทางแบบ 3D เพิ่มความสมจริงของมิติเสียงด้วย Halo Audio ให้ประสบการณ์เหมือนอยู่ในสตูดิโอหรือโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความดังได้อีกผ่านโหมด Ultra Volume เพียงปรับระดับเสียงจนสุด 100% และกดเพิ่มระดับเสียงอีกครั้ง ก็จะเข้าสู่โหมด Ultra Volume ที่สามารถเพิ่มระดับเสียงได้ถึง 300% หมดกังวลเมื่อใช้งานในบริเวณที่มีเสียงดัง
หน้าจอไวต่อการสัมผัส
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมจอแสดงผล OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080p ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูง 92.2% รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz แสดงภาพได้อย่างสวยงามคมชัดแม้อยู่กลางแจ้ง และถ้าอยู่ในที่มืดก็ยังมีโหมดแสงน้อย มอบความสบายตาเมื่อจ้องหน้าจอในเวลากลางคืน
จอแสดงผลของ OPPO Reno13 F 5G สนับสนุน Splash Touch จึงสามารถตอบสนองการสัมผัสได้อย่างแม่นยำแม้หน้าจอหรือนิ้วมือเปียกน้ำ และยังรองรับการสัมผัสหน้าจอขณะสวมถุงมือในวันที่มีอากาศหนาวจัด (ถุงมือที่สวมต้องมีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าหนามาก)
กล้อง AI ที่ล้ำหน้าไปอีกขั้น
จุดเด่นของ OPPO Reno13 F 5G อยู่ที่ระบบกล้องหลังคุณภาพสูง ผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสุดล้ำของ AI และยังสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้เหมือนกล้อง Action Camera ที่แม้แต่สมาร์ตโฟนเรือธงราคาหลายหมื่นยังทำไม่ได้ โดยติดตั้งกล้องหลังมาให้ 3 ตัว ประกอบด้วย…
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
แอปกล้องของ OPPO Reno13 F 5G รองรับโหมดถ่ายภาพ Pro, Video, Photo, Portrait, Night, Hi-res, Panorama, Macro, Slo-mo, Time-lapse, Dual-view Video, Underwater, Sticker และ Document Scanner
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide จากนั้นสามารถซูมได้สูงสุด 10x โดยมี Filters เพิ่มโทนสีสำหรับเปลี่ยนอารมณ์ภาพให้เป็นแบบกล้องฟิล์มได้แก่ Fresh, Emerald, Clear และมีเครื่องมือ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
ที่น่าสนใจก็คือ โหมด Photo ยังมีฟีเจอร์ AI Livephoto มาให้ใช้งานด้วย (อยู่ในแถบเครื่องมือด้านบน) ช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต เช่น ภาพบุคคลที่เส้นผมกำลังปลิวสยายไปตามสายลม สัตว์เลี้ยงกำลังเล่นซน เด็กๆ วิ่งเล่น ดอกไม้ที่พลิ้วไหวตามสายลม รวมถึงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาชายหาด
ฟีเจอร์ AI Livephoto จะบันทึกวิดีโอ 3 วินาที (ก่อนกดชัตเตอร์ 1.5 วินาที และหลังกดชัตเตอร์ 1.5 วินาที) โดยใช้เทคโนโลยี AI ช่วยขจัดการสั่นไหวของกล้อง ภาพมีความคมชัดระดับ 2K ทำให้สามารถเลือกเปลี่ยนภาพปกสวยๆได้ตามใจ ผู้ใช้งานยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์แต่งหน้า ฟิลเตอร์ ลายน้ำหรือกรอบรูป และสามารถแปลงเป็นไฟล์ GIF ได้
ยิ่งไปกว่านั้นวิดีโอที่บันทึกด้วย AI Livephoto ยังสามารถแชร์ไปให้เพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone หรือ iPad ได้โดยตรง ผ่านแอปพลิเคชัน O+ Connect และแน่นอนว่าสามารถแชร์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือ Instagram
โหมด Portrait รองรับการซูม 2 ระยะ 1x และ 2x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลัง มีฟีเจอร์ Soft Light ทำให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยมีเอฟเฟกต์ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy อีกทั้งยังมี Filters และเครื่องมือ Retouch เหมือนโหมด Photo
โหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080P ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 1x จนสูงสุด 10x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลังได้เหมือนโหมด Portrait มี Filters และเครื่องมือ Retouch ให้ใช้งานเช่นกัน
โหมด Underwater ถือเป็นไฮไลท์ของ OPPO Reno13 F 5G เพราะนี่คือสมาร์ตโฟนระดับกลางที่สามารถบันทึกภาพใต้น้ำได้ แม้แต่สมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ราคาแพงยังทำไม่ได้ในปัจจุบันนี้ เนื่องจาก OPPO Reno13 F 5G ได้รับการออกแบบมาให้สามารถทนอยู่ในน้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
ในโหมด Underwater ผู้ใช้งานสามารถควบคุมกล้องด้วยปุ่มกดด้านข้าง เช่น กดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อถ่ายรูป, กดปุ่มลดระดับเสียงเพื่อบันทึกวิดีโอ และ กดปุ่มเพาเวอร์กดค้างไว้จะออกจากโหมด Underwater พร้อมไล่น้ำออกจากตัวเครื่องอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้โหมด Underwater จะไม่มีเครื่องมือหรือฟีเจอร์ให้ปรับแต่งกล้องเหมือนโหมดถ่ายภาพอื่นๆ แต่ไม่ต่องห่วง เพราะโหมด Underwater จะช่วยปรับแต่งสีให้อัตโนมัติ เพื่อชดเชยความแตกต่างของแสงใต้น้ำ เพื่อให้ภาพถ่ายหรือวิดีโอใต้น้ำออกมาดูดีที่สุด
กล้องหน้า 32MP
สำหรับกล้องหน้าของ OPPO Reno13 F 5G มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับโหมดถ่ายภาพ Photo ที่สามารถซูมได้ 2 ระยะ 0.8x และ 1x มาพร้อม Filters มากมาย เช่น Fresh, Emerald, Clear, Vivid, Radiance ขณะที่เครื่องมือ Retouch ของฟีเจอร์ Beauty ก็สามารถปรับแต่งความงามให้กับใบหน้าได้อย่างละเอียด ช่วยในการปรับรายละเอียดของผิว ไปจนถึงปรับขนาดโครงสร้างใบหน้า
โหมด Portrait ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 2 ระยะเช่นกัน แต่มีเครื่องมือเพิ่มเติมจากโหมด Photo ได้แก่ Soft Light ทำให้ภาพเซลฟี่ในแบบพอร์ตเทรตมีความนุ่มนวลมากขึ้น ตามเอฟเฟกต์ที่เลือก ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy อีกทั้งยังสามารถละลายฉากหลังได้ตามต้องการ ด้วยการปรับค่า F
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 2 ระยะเช่นกัน รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งยังสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ และมี Filters รวมถึง Beauty มาให้ใช้งานด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
เครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI
หลังจากถ่ายภาพด้วย AI Livephoto แล้ว OPPO Reno13 F 5G ได้นำเทคโนโลยี AI มาเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานแก้ไขภาพถ่ายได้ง่ายมากขึ้น เพียงเข้าไปใน Album เพื่อเลือกรูปภาพที่ต้องการแก้ไข จากนั้นแตะ Edit และ AI Editor โดยมีเครื่องมือ AI ช่วยแก้ไขภาพที่น่าสนใจอย่าง AI Clarity Enhancer / AI Unblur / AI Eraser 2.0 / AI Unblur / AI Reflection Remover
AI Clarity Enhancer ช่วยปรับรูปภาพที่มีความละเอียดต่ำ หรือรูปภาพที่ถูกครอป ให้มีความคมชัดขึ้น
AI Unblur เพิ่มรายละเอียดบางส่วนในรูปภาพที่มีความเบลอ ให้มีพื้นผิว สีสัน ที่คมชัดขึ้น โดยเฉพาะภาพถ่ายที่กำลังเคลื่อนที่
AI Reflection Remover สามารถลบเงาหรือแสงสะท้อนในกระจกที่ปรากฏอยู่บนภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
ที่น่าสนใจคือ OPPO ยังได้นำเอาฟีเจอร์ AI ที่ช่วยในการทำงานที่มีบนรุ่นแฟลกชิป OPPO Find X8 Series ก็นำมาใส่ใน OPPO Reno13 Series 5G ทุกรุ่นด้วยไม่ว่าจะเป็น Al Writer ผู้ช่วยในการเขียนข้อความ ม ,AI Summary ช่วยสรุปเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือเอหสารยาวๆ ,Al Speak ใช้ AI อ่านเนื้อหาบนหน้าจอให้ฟัง ,Voice translate และ Screen translate แปลภาษาบนหน้าจอทันที ที่สำคัญฟีเจอร์ AI ทั้งหมดนี้รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบอีกด้วย สามารถเรียกใช้งานง่ายๆที่เมนูด้านข้างหน้าจอ
เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมด้วย AI
เทคโนโลยี AI ทำให้ผู้ใช้งาน OPPO Reno13 F 5G ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมให้ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเล่นเกมออนไลน์ด้วย AI LinkBoost 2.0 ทำให้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายมีความเร็วและเสถียรยิ่งขึ้น แม้ใช้งานในพื้นที่หนาแน่น
AI LinkBoost เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณเครือข่ายที่พัฒนาโดย OPPO ช่วยขจัดปัญหาสัญญาณไม่เสถียร และเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในบริเวณที่มีความหนาแน่น รวมถึงพื้นที่ที่สัญญาณอ่อนแอ ทำให้สัญญาณไร้สายมีคุณภาพและเสถียร ไม่ว่าจะอยู่ในงานคอนเสิร์ต ในลิฟต์ หรือในรถไฟใต้ดิน
นอกจากนี้ยังมี AI HyperBoost เอนจินเกมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพของเกมอย่างชาญฉลาด และปรับปรุงเฟรมเรทแบบเรียลไทม์ ทำให้การเล่นเกมลื่นไหลลดอาการภาพกระตุก
ชิป Snapdragon 6 Gen 1
OPPO Reno13 F 5G ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 6 Gen 1 ของ Qualcomm ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร ประกอบด้วยซีพียู Qualcomm Kryo สถาปัตยกรรมแบบ 64-bit Octa Core ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 2.2GHz ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 35% พร้อมด้วยจีพียู Qualcomm Adreno ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 30% และให้ประสิทธิภาพการทำงานด้าน AI ดีขึ้น 3 เท่า เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
ด้านความจำ OPPO Reno13 F 5G มีความจำ RAM ขนาดใหญ่ 12GB และสามารถขยายได้อีก12GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Expansion โดยอาศัยพื้นที่ของหน่วยความจำ ROM มาใช้งาน จึงเปรียบเสมือนมี RAM สูงสุด 24GB ขณะที่ความจุ ROM มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ 256GB และ 512GB ทำคะแนนจาก Antutu ได้ทะลุหกแสนคะแนน
แบตใหญ่ 5800mAh ชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC
อีกจุดเด่นของ OPPO Reno13 F 5G คือได้รับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5800mAh รองรับการใช้งานที่ยาวนานข้ามวัน หรือเล่นเกม Candy Crush ได้นานถึง 14.4 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบ อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที ก็ให้พลังงานเพียงพอสำหรับการรับชมวิดีโอบน YouTube นานถึง 1.23 ชั่วโมง แถมหัวชาร์จ 45W Power Adapter มาให้แล้วในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ OPPO Reno13 F 5G ยังออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป สามารถรักษาความจุในระดับสูงแม้ผ่านการใช้งานยาวนาน 4 ปี และมีเทคโนโลยีระบายความร้อน AI Multi-Cooling System ประกอบด้วยแผ่นกราไฟต์ และ Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 4,364 ตารางมิลลิเมตร ช่วยลดความร้อนระหว่างชาร์จ รวมถึงรักษาประสิทธิภาพในระดับสูงขณะเล่นเกม
OPPO Reno13 5G
OPPO Reno13 5G มีความสามารถหลายอย่างแบบเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต อย่าง AI Livephoto เพิ่มชีวิตชีวาให้ภาพเคลื่อนไหว พร้อมแชร์ข้ามแพลตฟอร์มไปยัง iPhone หรือ iPad ได้ รองรับเครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI Clarity Enhancer, AI Unblur และ AI Reflection Remover นอกจากนี้ OPPO Reno13 5G ยังมีดีไซน์สวยงามทนทาน ผ่านการรับรองมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ IP69 และสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้เช่นกัน
สเปก OPPO Reno13 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP Main + 8MP Ultra Wide + 2MP Monochrome Camera
- กล้องหน้า 50MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8350
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB / RAM 12GB + ROM 512GB
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Optical Fingerprint Sensor)
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (Face Unlock)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC, USB Type-C, OTG
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15.0 บนพื้นฐาน Android 15
- เซ็นเซอร์ Proximity sensor, Ambient light sensor, E-compass, Accelerometer, Gyroscope, Colour temperature sensor, Infrared remote control
- เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP66, IP68 และ IP69
- แบตเตอรี่ 5600mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Plume White และ สีฟ้า Luminous Blue
- น้ำหนัก 181 กรัม
ดีไซน์นำเทรนด์ด้วยลวดลายปีกผีเสื้อ
ทีมงาน @flashfly ได้รับ OPPO Reno13 5G ตัวเครื่องสีขาว Plume White มารีวิว ซึ่งมีดีไซน์ขอบเหลี่ยมช่วยให้จับถนัดมือ ฝาหลังมีลวดลายปีกผีเสื้อ ใช้วัสดุกระจกแกะสลักชิ้นเดียว ส่วนกรอบตัวเครื่องใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับอากาศยาน และผ่านกระบวนการแกะสลักด้วยความเย็น ทำให้มีความแข็งแรงทนทานระดับเดียวกับ OPPO Reno13 Pro 5G
OPPO Reno13 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว และซ่อนกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซลไว้บนหน้าจอ เมื่อเทียบกับ OPPO Reno13 F 5G จะเห็นว่า OPPO Reno13 5G มีขอบจอบางเท่ากันรอบด้าน รวมถึงขอบจอด้านล่าง ทำให้ OPPO Reno13 5G มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.4%
ฝาหลังของ OPPO Reno13 5G ใช้วัสดุกระจกแกะสลักชิ้นเดียวที่มีความหนา 1.5 มิลลิเมตร ผ่านกระบวนการที่ซับซ้อน 65 ขั้นตอน ใช้เวลาในการแกะสลักและขัดเงาที่นานกว่า 50% ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ความทนทาน แต่ยังได้ดีไซน์แบบไร้รอยต่อ ลดการเกิดคราบรอยนิ้วมือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นและน้ำ
กรอบตัวเครื่อง OPPO Reno13 5G มีความบางเพียง 7.24 มิลลิเมตร (สำหรับสีขาว Plume White) ทำมาจากอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับอากาศยาน ซึ่งให้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 200% ทนทานต่อการดัดงอมากขึ้น 20% และต้านทานการตกหล่นได้ดีขึ้น 36% เมื่อเทียบกับกรอบพลาสติก
ขอบด้านข้างวางปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์ และเนื่องจากใช้กรอบที่เป็นโลหะ จึงมีเส้นเสาอากาศคาดอยู่ทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้สมาร์ตโฟนรับสัญญาณไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านบนมีลำโพงตัวที่ 2 ช่วยให้เสียงในระบบสเตอริโอ, อินฟราเรด สำหรับใช้งานเป็นรีโมท, ไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง และมีเส้นเสาอากาศคาดอยู่ 2 จุด
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C, ไมโครโฟนตัวหลัก, ถาดใส่ซิมการ์ด และมีเส้นเสาอากาศเช่นกัน
นอกจากนี้ OPPO Reno13 5G ยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำที่ระดับ IP69 เช่นเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G จึงสามารถป้องกันน้ำที่มีอุณหภูมิสูง 80 องศาเซลเซียส และอยู่รอดในน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที อีกทั้งยังช่วยให้ OPPO Reno13 5G สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้อีกด้วย
จอแสดงผลถนอมดวงตา
OPPO Reno13 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ที่มีความลึกสี 1.07 พันล้านสี ความละเอียด 1256 x 2760 พิกเซล ขนาด 6.59 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 460 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 60Hz / 90Hz / 120Hz และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.4% หมายความว่ามีดีไซน์ขอบหน้าจอที่บางเฉียบ และบางเท่ากันรอบด้าน
จอแสดงผลของ OPPO Reno13 5G มอบความสว่างสูงสุด 1200 นิต (High Brightness Mode) เมื่อใช้งานกลางแจ้ง รองรับ HDR10 / HDR10+ เพิ่มความคมชัดในการรับชมคอนเท้นต์ HDR และยังมีฟีเจอร์ Splash Touch ช่วยให้ผู้ใช้งานแตะและปัดหน้าจอได้ปกติ แม้หน้าจอจะมีหยดน้ำหรือนิ้วมือเปียกอยู่ก็ตาม อีกทั้งยังเป็นจอแสดงผลที่ช่วยถนอมดวงตา เนื่องจากผ่านการรับรองจาก SGS ในด้าน Low Blue Light (ลดแสงสีฟ้าระดับฮาร์ดแวร์) และ Low Motion Blur (ลดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว)
กล้องหลัง 50MP พร้อมโหมดถ่ายภาพใต้น้ำ
OPPO Reno13 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นแรกที่มีความสามารถในการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอใต้น้ำ เช่นเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G ด้วยการออกแบบตัวเครื่องให้มีความทนทาน ป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับสูง IP69 มาพร้อมกล้องหลังคุณภาพภาพสูง 50 ล้านพิกเซล และยกระดับการถ่ายภาพด้วยเทคโนโลยี AI
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 เลนส์ 5P มีระบบออโต้โฟกัส ป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เลนส์ 5P มีระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองภาพ 116 องศา
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 เลนส์ 3P ให้มุมมองภาพ 89 องศา
แอปกล้องของ OPPO Reno13 5G รองรับโหมดถ่ายภาพ Pro, Video, Photo, Portrait, Night, Hi-res, Panorama, Slo-mo, Time-lapse, Dual-view Video, Underwater, Sticker และ Document Scanner
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide จากนั้นสามารถซูมได้ 1x ,2x สูงสุด 20x และมีไอคอนรูปดอกไม้ สำหรับถ่ายภาพในโหมด Macro มีฟิลเตอร์กล้องฟิล์มให้เลือกใช้ทั้ง 3 แบบ
โหมด Portrait รองรับการซูม 2 ระยะ มาพร้อมฟีเจอร์ Soft Light ที่มีเอฟเฟกต์ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy ช่วยให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตโดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี Filters เครื่องมือ Retouch และสามารถปรับค่า F เพื่อละลายพื้นหลัง
โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x จนสูงสุด 10x สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 4K หรือ Full HD 1080P ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที โดยมี Filters และเครื่องมือ Retouch ให้ใช้งานเช่นกัน
กล้องหน้าความละเอียดสูง 50MP
กล้องหน้าของ OPPO Reno13 5G ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 เลนส์ 5P มีระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองภาพ 90 องศา ให้ประสบการณ์การถ่ายภาพแบบเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G เนื่องจากใช้ซอฟต์แวร์รุ่นเวอร์ชันเดียวกัน อย่างไรก็ตาม กล้องหน้าของ OPPO Reno13 5G มีความละเอียดสูงกว่า และสามารถถ่ายวิดีโอในระดับ 4K
โหมดถ่ายภาพ Photo ของกล้องหน้า ซูมได้ 3 ระยะ 0.8x, 1x และ 2x โดยเฉพาะระยะ 0.8x ให้ภาพถ่ายเซลฟี่ในมุมมองกว้างพิเศษ เหมาะสำหรับถ่ายเซลฟี่แบบกลุ่ม หรือ ถ่ายเซลฟี่พร้อมเก็บภาพฉากหลังสวยๆ และมีฟีเจอร์ Retouch ที่สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้อย่างละเอียด
โหมด Portrait ของกล้องหน้าสามารถซูมได้ 2 ระยะ 0.8x และ 1x รองรับฟีเจอร์ Soft Light, Filters และ Retouch สามารถปรับความงามบนใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ตั้งแต่ผิว โครงแก้ม ขนาดดวงตา รูปทรงศีรษะ และยังสามารถละลายฉากหลังได้ตามต้องการ ด้วยการปรับค่า F
โหมด Video ของกล้องหน้ารองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x, 1x และ 2x อีกทั้งยังสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ และมี Filters รวมถึง Beauty มาให้ใช้งานด้วย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Dimensity 8350
OPPO Reno13 5G ขับเคลื่อนด้วย Dimensity 8350 ชิปประมวลผลระดับ 4 นาโนเมตร ของ MediaTek ประกอบด้วยซีพียู Octa Core (4x Arm Cortex-A715 + 4x Arm Cortex-A510) ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงสุด 3.35GHz ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 20% ลดการใช้พลังงานสูงสุด 30% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน ขณะที่จีพียู Arm Mali-G615 MC6 มอบประสิทธิภาพดีขึ้น 60% ลดการใช้พลังงานสูงสุด 55% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
ด้านความจำ OPPO Reno13 5G มีความจำ RAM (LPDDR5X) ขนาดใหญ่ 12GB และสามารถขยายได้อีก12GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Expansion โดยอาศัยพื้นที่ของหน่วยความจำ ROM มาใช้งาน จึงเปรียบเสมือนมี RAM สูงสุด 24GB ขณะที่ความจุ ROM (UFS 3.1) มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ 256GB และ 512GB ทำคะแนนจาก Antutu ได้ทะลุ 1.3 ล้านคะแนนเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5600mAh ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno13 5G มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5600mAh เพียงพอต่อการใช้งาน 2.1 วัน สามารถสแตนด์บายได้นาน 12.67 วัน หรือ เล่นวิดีโอได้นาน 14 ชั่วโมง และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 1 – 100% ภายในเวลาเพียง 48 นาที แถมหัวชาร์จ 80W Power Adapter มาให้แล้วในกล่องไม่ต้องซื้อแยกต่างหาก
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ OPPO Reno13 5G ยังออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป สามารถรักษาความจุในระดับสูงแม้ผ่านการใช้งานยาวนาน 5 ปี และมีเทคโนโลยีระบายความร้อน AI Multi-Cooling System ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ 4,791 ตารางมิลลิเมตร
สรุปราคาและการจำหน่าย
OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G มีความคล้ายกันหลายประการ ทั้งดีไซน์ และประสบการณ์การใช้งาน เนื่องจากทำงานบนพื้นฐาน Android 15 ครอบทับด้วย ColorOS 15.0 เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่มีจุดเด่นร่วมกันที่ความสามารถในการถ่ายภาพใต้น้ำ เนื่องจากถูกสร้างมาให้ทนน้ำถึงระดับ IP69 สามารถอยู่รอดในน้ำลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ทำให้ OPPO Reno13 Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางเพียงหนึ่งเดียวจาก OPPO ที่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพแบบ Livephoto พร้อมแชร์ไปยังอุปกรณ์ iOS ได้อีกด้วย ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 รุ่นนี้ อยู่ที่คุณภาพวัสดุ และสเปกกล้องหน้า ซึ่งแลกมาด้วยส่วนต่างของราคาที่ต้องจ่าย แต่ไใม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะนี่คือสมาร์ตโฟนที่สร้างมาเพื่อยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้เหนือกว่าคู่แข่งในตลาด
โดย OPPO Reno13 Series วางจำหน่ายแล้ววันนี้โดยมีราคาดังต่อไปนี้
- OPPO Reno13 F 5G ความจุ 12GB+256GB ราคา 12,999 บาท
- OPPO Reno13 F 5G ความจุ 12GB+512GB ราคา 14,999 บาท
รับฟรี OPPO Care Plus และ Premium Gift Box รวมมูลค่า 9,999 บาท
- OPPO Reno13 5G ความจุ 12GB+256GB ราคา 17,999 บาท
- OPPO Reno13 5G ความจุ 12GB+512GB ราคา 19,999 บาท
รับฟรี OPPO Care Plus และ Premium Gift Box รวมมูลค่า 12,999 บาท
- OPPO Reno13 Pro 5G ความจุ 12GB+512GB ราคา 24,999 บาท
รับฟรี OPPO Care Plus และ Premium Gift Box รวมมูลค่า 17,999 บาท
ชี้แจงกรณีแอปฯ สินเชื่อที่ติดตั้งล่วงหน้าและแอปที่เป็นประเด็นดังกล่าวในสมาร์ตโฟน OPPO
โดยทาง OPPO ได้ชี้แจงไว้ดังนี้เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเราในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม สำหรับอนาคตเราจะมุ่งมั่นเสริมสร้างการบริหารจัดการแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สามโดยปรับปรุงระบบการประเมินคุณสมบัติสำหรับการนำเข้าและการบริหารจัดการแอปพลิเคชันและปฏิเสธการร่วมมือกับบริษัทที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
- ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ผู้ใช้งานทยอยได้รับการอัปเดตระบบเวอร์ชั่นใหม่ผ่าน OTA ซึ่งจะไม่มี แอปฯ Fineasy และ แอปฯสินเชื่อความสุข รวมอยู่ด้วย โดยรุ่นที่ได้รับการดำเนินการอัปเดต OTA แล้ว ได้แก่ Find X8 series, Reno 13 series, Reno 12 series, และ A3 series โดยสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆที่เหลือกำลังทยอยอัปเดตให้เสร็จสิ้นภายใน 27 มกราคม 2568
- สมาร์ตโฟน OPPO ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันไม่ได้มีการติดตั้งแอปพลิเคชันสินเชื่อความสุข และ แอป Fineasy แต่อย่างใด
- นอกจากนี้ OPPO จะเสริมสร้างการกำกับดูแลแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม โดยไม่ติดตั้งแอปล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ และแอปที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อจะไม่ปรากฏใน OPPO App Market อีกต่อไป ยกเว้นแอปสินเชื่อของธนาคารที่จดทะเบียนถูกต้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น แอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลระดับโลก รวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ของประเทศไทย OPPO ได้จัดตั้งระบบการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลภายในองค์กรอย่างครอบคลุม โดย OPPO มั่นใจในความสอดคล้องกับกฎหมายผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การควบคุมในด้านองค์กรและเทคนิค การฝึกอบรมพนักงาน และการตรวจสอบประสิทธิภาพ
#Reno13SeriesTH #OPPOAIPhone #ผีเสื้อคู่ใจ #ดีไซน์สุดเทรนดี้กับReno #AIซ่อมภาพให้ปัง #ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวสวยครบจบ