ในขณะที่รูปแบบการทำงานทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง พกพาสะดวก ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งกลายเป็นตลาดแท็บเล็ตที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และท่ามกลางกระแสการเติบโตนี้ หัวเว่ยได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรม โดยพัฒนาประสิทธิภาพแท็บเล็ตให้ตอบโจทย์ทั้งมืออาชีพ นักศึกษา และครีเอเตอร์ยุคใหม่
แท็บเล็ตกำลังมาแรง: เชื่อมต่อโลกโมบิลิตี้กับพลังประสิทธิภาพตลาดแท็บเล็ตทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายงานจาก IMARC Group ระบุว่าในปี 2024 มูลค่าตลาดแท็บเล็ตทั่วโลกแตะระดับ 84.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเอเชียแปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 35.8% ของมูลค่ารวมทั้งหมด ซึ่งนับเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งนี้คาดว่าตลาดจะขยายตัวจนแตะระดับ 202.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 9.67% ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2033 การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการอุปกรณ์พกพาที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างสมาร์ทโฟนกับแล็ปท็อป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากการทำงานระยะไกล การเรียนออนไลน์ และความบันเทิงผ่านดิจิทัล ประเทศอย่างจีน อินเดีย และอินโดนีเซียเป็นผู้นำกระแสนี้ ด้วยจำนวนประชากรที่มาก มีความเป็นดิจิทัลสูง และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในปี 2024 กลุ่มผู้บริโภค (Consumer) ครองตลาดกว่า 82.5% สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่ในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปเท่านั้น แต่รวมถึงมืออาชีพที่ต้องการความคล่องตัวและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน แท็บเล็ตจึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับการทำงานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการอีเมล การสร้างคอนเทนต์ หรือ Virtual Presentations นอกจากนี้ การออกแบบแบบไฮบริด เช่น แท็บเล็ตที่มาพร้อมคีย์บอร์ดถอดได้และรองรับปากกา ยังช่วยยกระดับความน่าสนใจให้แก่กลุ่มมืออาชีพและนักเรียนอีกด้วย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดแท็บเล็ตคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 และเติบโตต่อเนื่องจนถึงปี 2029 โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม เช่น สิงคโปร์และอินโดนีเซีย[1]เดินหน้าผลักดันความพรีเมียม: หัวเว่ยสร้างฐานผู้ใช้แท็บเล็ตเพิ่มทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกหัวเว่ยเดินหน้าผลักดันการใช้แท็บเล็ตในเอเชียแปซิฟิกอย่างมียุทธศาสตร์ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แท็บเล็ตซีรีส์ MatePad Pro กลายเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างภาพลักษณ์ในตลาดพรีเมียม ในอินโดนีเซีย หัวเว่ยครองส่วนแบ่งตลาด 40% ในกลุ่มราคา 800 ดอลลาร์ขึ้นไปในปี 2024 ขณะที่ในฟิลิปปินส์หัวเว่ยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มราคา 500–800 ดอลลาร์ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 35%[2] ในตลาดระดับโลกหัวเว่ยจัดส่งแท็บเล็ต 2.7 ล้านเครื่องในไตรมาสแรกของปี 2024 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.1% และเติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 70% แบบปีต่อปี (YoY) และในไตรมาสที่ 3 จำนวนจัดส่งเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.2% และเติบโต 44.1% YoY[3] ซึ่งสะท้อนถึงการตอบรับที่ดีขึ้นในตลาดที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มมืออาชีพและครีเอเตอร์ที่มองหาอุปกรณ์พกพาระดับพรีเมียม
มากกว่าพีซี: พลิกโฉมแท็บเล็ตด้วยนวัตกรรม
ความสำเร็จของหัวเว่ยเกิดจากความเข้าใจในความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานที่เน้น “Productivity On-the-Go” ในขณะที่พีซีแบบดั้งเดิมอาจมีข้อจำกัดด้านน้ำหนักหรือความคล่องตัว ส่วนแท็บเล็ตในอดีตแม้จะมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงพีซี แต่ขาดฟังก์ชันการทำงานระดับมืออาชีพหัวเว่ยจึงขยับจาก “PC-like” ที่หมายถึงดีไซน์คล้ายพีซี มาเป็น “PC-level” ซึ่งให้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่พร้อมใช้งานในระดับมืออาชีพ หนึ่งในจุดเด่นที่แตกต่าง คือ การติดตั้งซอฟแวร์ PC-level WPS Office รุ่นเต็มที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ซึ่งมอบชุดเครื่องมือการทำงานที่ครอบคลุม ครบถ้วน เหมือนบนพีซี ทั้งการสร้าง แก้ไข และทำงานร่วมกันในเอกสาร ในขณะที่ตลาดแท็บเล็ตยังมี Pain Point สำคัญ เช่น การวางปากกาผิดที่ หรืออาการล้าสายตาจากการใช้งานนาน ๆ หัวเว่ย ได้นำนวัตกรรมเข้ามาแก้ไข ด้วยคีย์บอร์ดที่ฝังช่องเก็บและชาร์จปากกาในตัว พร้อมฟังก์ชันใช้งาน 2 โหมด ได้แก่ โหมดคีย์บอร์ดแบบพีซี และโหมดแป้นวาดภาพสำหรับครีเอเตอร์ ทำให้สามารถสลับจากงานมืออาชีพสู่ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างราบรื่นภายในเครื่องเดียว
แม้ตลาดแท็บเล็ตจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีปัญหาการใช้งานที่ผู้ใช้พบอยู่เสมอ เช่น การทำปากกาหาย หรือความเมื่อยล้าทางสายตาจากการใช้งานเป็นเวลานาน หัวเว่ยจึงได้คิดค้นนวัตกรรมล้ำหน้า ด้วยการออกแบบคีย์บอร์ดที่ฝังช่องเก็บและชาร์จปากกาในตัว พร้อมดีไซน์บางเฉียบ เรียบหรู และรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ การออกแบบนี้ไม่เพียงช่วยลดปัญหาการทำปากกาหาย แต่ยังยกระดับความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน โดยคีย์บอร์ดสามารถรองรับทั้งโหมดพีซีแบบดั้งเดิม และโหมดแป้นวาดภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับไปมาระหว่างการทำงานเชิงธุรกิจและงานสร้างสรรค์ได้อย่างไร้รอยต่อบนอุปกรณ์เดียว จุดแข็งของหัวเว่ยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดีไซน์ของฮาร์ดแวร์เท่านั้น ในด้านเทคโนโลยีหน้าจอ แบรนด์ยังเป็นผู้นำในการพัฒนามาตรฐาน PaperMatte Display ซึ่งยึดหลัก 4 เสาหลัก ได้แก่ ความสบายตาขณะใช้งาน ภาพคมชัดสดใส ประสบการณ์การเขียนเสมือนบนกระดาษ และการสัมผัสที่ลื่นไหล ด้วยการวิจัยเชิงลึกด้านการลดแสงสะท้อน การตอบสนองต่อการสัมผัส และความแม่นยำในการเขียน วิศวกรของ หัวเว่ยได้พัฒนาโมเดลการประเมินตามหลักสรีรศาสตร์ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับความสบายสูงสุดในการใช้งานระยะยาว นอกจากนี้หน้าจอของแท็บเล็ตหัวเว่ยยังได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลมากมายด้านการปกป้องสายตา เช่น ใบรับรอง SGS Low Visual Fatigue 2.0 Premium Performance Certification, TÜV Rheinland Full Care Display 3.0 Certification และ TÜV Rheinland Reflection Free Certification ซึ่งล้วนเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพด้านความปลอดภัยต่อสายตาและความสบายตาแม้ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน
แม้หลายแบรนด์จะพยายามพัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอด้านแบบของหัวเว่ย แต่การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับจอ OLED ยังถือเป็นความท้าทายสูง เนื่องจากการจัดเรียงพิกเซลที่ไม่สม่ำเสมออาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความสว่างไม่เท่ากัน และเอฟเฟกต์ระยิบระยับ ซึ่งหัวเว่ยยังคงเป็นผู้นำในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การแสดงผลระดับพรีเมียมที่เป็นมิตรต่อสายตาอย่างแท้จริง ก้าวสู่อนาคต: วิสัยทัศน์ 3-in-1 แท็บเล็ตเพื่อการทำงานระดับคอมพิวเตอร์ พร้อมฟังก์ชันที่ครบจบในเครื่องเดียวเตรียมตัวพบกับ HUAWEI MatePad Pro 12.2” (2025) ถือเป็นผลงานรวมความสำเร็จในการพลิกโฉมตลาดแท็บเล็ตเรือธงรุ่นล่าสุดที่รวมสุดยอดนวัตกรรมเพื่อมืออาชีพสายทำงานและสายครีเอทีฟโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์อัจฉริยะแบบ 3-in-1 ที่ผสานการทำงานร่วมกับ HUAWEI Glide Keyboard ที่ฝังช่องเก็บและชาร์จปากกาในตัว ซอฟต์แวร์ PC-Level WPS Office และหน้าจอ TANDEM OLED คุณภาพสูง รองรับทั้งการทำงานแบบพีซีและการใช้งานบนอุปกรณ์พกพาอย่างไร้รอยต่อ HUAWEI MatePad Pro 12.2” (2025) รุ่นใหม่นี้จึงพร้อมตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความยืดหยุ่น พลังประมวลผล และความสบายตาในการใช้งานระยะยาว—ทั้งหมดในนวัตกรรมแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนมาตรฐานของแท็บเล็ตระดับพรีเมียมไปอย่างสิ้นเชิง
HUAWEI MatePad Pro 12.2” (2025) เตรียมเปิดให้พรีออเดอร์พร้อมกันในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นี้! พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษกับราคาที่คุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับระดับราคาจำหน่ายในตลาดโลก เพื่อให้ผู้ใช้ในไทยได้สัมผัสนวัตกรรมระดับเรือธงในราคาที่จับต้องได้มากยิ่งขึ้น ติดตามข่าวสารก่อนใครได้ที่ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
