ในที่สุด Nothing Phone (3) ก็ได้เปิดตัวในประเทศไทยทางการ หลังจากเปิดตัวรุ่น โดยได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งดีไซน์และประสิทธิภาพ แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของ Nothing ที่มีดีไซน์เปลือยแผงหลัง มาพร้อมอินเทอร์เฟซใหม่ Glyph Matrix และยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 4 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และได้รับชิปเรือธงของ Qualcomm

สเปก Nothing Phone (3)

- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera
- กล้องหน้า 50MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8s Gen 4
- ความจำ RAM LPDDR5X สูงสุด 16GB + ROM UFS 4.0 สูงสุด 512GB
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 24GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Boost
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 6.0, NFC, USB Type-C, OTG
- เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS (L1+L5), A-GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NavIC และ SBAS
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Proximity, Ambient Light Sensor, E-compass, Gyroscope
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- ลำโพงสเตอริโอ, ไมโครโฟน 3 ตัว
- ระบบปฏิบัติการ Nothing OS 3.5 บนพื้นฐาน Android 15
- มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ 5150mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 65W และชาร์จไร้สาย 15W
- ขนาดตัวเครื่อง 160.60 x 75.59 x 8.99 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 218 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ
แกะกล่อง Nothing Phone (3)



กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Nothing Phone (3) มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านหลังของสมาร์ทโฟนให้เห็นแบบเต็มๆ โดยแสดงเฉพาะส่วนบนที่เป็นโมดูลกล้อง กับอินเทอร์เฟซใหม่ที่เรียกว่า Glyph Matrix หลังกล่องติดฉลากให้รายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับสมาร์ทโฟน และมีแถบกระดาษที่ใช้ปิดผนึกกล่อง ให้ดึงตามไอคอนลูกศรสีแดง เมื่อดึงแถบกระดาษออกไปแล้ว จะสามารถเปิดฝากล่องด้านข้างออกได้
ภายในกล่อง Nothing Phone (3) นอกจากสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ในตัว จะพบว่าแผงหน้าจอได้รับการติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว แถมเคสใส 1 อัน รวมถึงสายชาร์จ USB Type-C (ยาว 1 เมตร) เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด (ดีไซน์ด้ามจับแบบโปร่งใส) ข้อมูลความปลอดภัยและใบรับประกัน
ดีไซน์ด้านหลังโปร่งใสเป็นเอกลักษณ์

ดีไซน์ Nothing Phone (3) ยังคงให้ความโดดเด่นที่ด้านหลังแบบโปร่งใส แต่ไม่มีแถบไฟกระพริบที่คุ้นเคยเหมือนรุ่นก่อนๆ เพราะ Nothing เปลี่ยนอินเทอร์เฟซใหม่ มาใช้จอวงกลมที่อยู่มุมบนของตัวเครื่อง เรียกว่า Glyph Matrix มาพร้อมปุ่ม Glyph มีไว้ควบคุมการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ บนหน้าจอ Glyph Matrix

ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ซึ่งมีขอบหน้าจอที่บางเฉียบ 1.87 มิลลิเมตร แคบกว่าเดิม 18% เมื่อเทียบกับ Nothing Phone (2) ให้มุมมองในการรับชมที่เต็มอิ่มมากขึ้น โดยติดตั้งกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซลไว้ในหลุมบนหน้าจอ และซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล

ขอบด้านข้างมีความบาง 8.99 มิลลิเมตร มาพร้อมปุ่มปรับระดับเสียง

อีกข้างมีปุ่มเพาเวอร์ ถัดลงมาเป็นปุ่ม Essential Key สามารถกดสั้นๆ ครั้งเดียว เพื่อจับภาพหน้าจอ, กด 2 ครั้งติดกัน เพื่อเข้าถึง Essential Space หรือกดค้างไว้เพื่อบันทึกเสียง ดังนั้น เมื่อมีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้นมา ก็สามารถบันทึกเก็บไว้กันลืมได้อย่างง่ายดาย

มุมมองด้านบนพบตำแหน่งไมโครโฟน และ ลำโพง (ให้เสียงสเตอริโอ เมื่อทำงานร่วมกับลำโพงด้านล่าง)

ด้านล่างประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด (Dual Nanp-SIM) ไมโครโฟน และ ลำโพง

Nothing Phone (3) ถูกสร้างมาให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ โดยใช้กระจก Corning Gorilla Glass ช่วยปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง กรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียมที่ผ่านการขัดเกลาอย่างแม่นยำ ช่วยเสริมความหรูหราและทนทาน อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP68 สามารถอยู่รอดในน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที

มั่นใจได้ในเรื่องความทนทาน Nothing Phone (3) ผ่านการทดสอบความทนทานที่เข้มงวด เช่น ทดสอบการกดปุ่ม 25,000 ครั้ง, ทดสอบพอร์ต USB-C ด้วยการเสียบและดึงออก 30,000 ครั้ง ทดสอบการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอุณหภูมิผันผวนระหว่าง -40 ถึง 75 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 21 วัน รวมถึงทดสอบในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง 85 องศาเซลเซียส และมีความชื้น 85% เป็นเวลา 21 วัน

นอกจากนี้ Nothing Phone (3) ยังใช้ส่วนประกอบที่มีวัสดุรีไซเคิลรวม 53 ชิ้น คิดเป็น 17.61% ของน้ำหนักโดยรวม ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับกระบวนการประกอบขั้นสุดท้าย และกล่องบรรจุภัณฑ์ก็ปราศจากพลาสติก 100%
Glyph Matrix

Nothing Phone (3) เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของแบรนด์ที่มาพร้อมอินเทอร์เฟซใหม่ เรียกว่า Glyph Matrix ซึ่งเป็นจอแสดงผล LED ขาวดำ ที่มุมขวาบนของด้านหลัง ซึ่งเป็นจอวงกลมที่ประกอบด้วย LED จำนวน 489 ดวง สามารถแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น สายเรียกเข้า, ข้อความจากแอป, สถานะของระบบ รวมถึงแอนิเมชัน และสามารถปรับแต่งไอคอนให้กับรายชื่อผู้โทร รวมถึงเปลี่ยนหน้าปัดได้
นอกจากนี้ Glyph Matrix ยังใช้เป็นจอภาพแสดงตัวอย่างแบบเรียลไทม์ เมื่อถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง และมีลูกเล่นสนุกๆ อย่าง Glyph Toys ที่ประกอบด้วย Glyph Mirror, Solar Clock, Stopwatch, Battery Indicator และเกม Spin the Bottle ผู้ใช้งานสามารถสลับไปมาระหว่างโหมดต่างๆ บน Glyph Matrix ได้โดยใช้ปุ่ม Glyph (ปุ่มวงกลมที่ด้านหลัง วางอยู่เกือบกึ่งกลางทางขอบด้านขวามือ)
ด้วยระบบปฎิบัติการ Nothing OS 3.5 ออกแบบมาเพื่อการโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญ ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เรียบง่ายขึ้น ฉลาดขึ้น และทำให้การใช้งานเป็นธรรชาติมากยิ่งขึ้นกีบฟีเจอร์ใหม่

- Essential Search – แถบค้นหาอัจฉริยะที่เรียกใช้ได้ง่ายเพียงปัดขึ้นจากหน้าจอหลัก ค้นหาได้ครบทั้งรายชื่อ รูปภาพ ไฟล์ พร้อมการตอบสนองแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมาย ไปจนถึงสถานที่ใกล้เคียง

- Flip to Record – กดค้างที่ปุ่ม Essential Key แล้วคว่ำเครื่องลง เพื่อเริ่มถอดเสียงและสรุปเนื้อหาการประชุมโดยอัตโนมัติ

- Essential Space – พื้นที่ศูนย์กลางสำหรับรวบรวมไอเดีย โน้ต และคอนเทนต์ทั้งหมดที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระบบด้วย AI เหมือนมีสมองที่สองคอยช่วยคุณ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 1 ใน 5 ที่ใช้ฟีเจอร์นี้เป็นประจำทุกสัปดาห์
กล้องหลัง 50MP Triple Camera พร้อม TrueLens Engine 4

Nothing Phone (3) ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล โดยวางกล้อง Telephoto แบบ Periscope ไว้ที่มุมบนซ้ายมือ ถัดลงมาเป็นกล้องตัวหลัก และข้างกันเป็นกล้อง Ultra Wide เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งของแฟลช นอกจากนี้ ระหว่างกล้องหลักกับกล้อง Ultra Wide จะมีกรอบสี่เหลี่ยมสีแดงเล็กๆ ซึ่งจะส่องสว่างขึ้นมาในขณะบันทึกวิดีโอ

- กล้อง Telephoto แบบ Periscope ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.75″ รูรับแสง f/2.68 ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ซูม 3x แบบออปติคัล ซูม 6x แบบ In-sensor ซูม 60x แบบอัลตร้า ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ EIS
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.3″ รูรับแสง f/1.68 ระบบโฟกัสอัตโนมัติ 2×2 OCL PDAF ซูม 2x แบบ In-sensor ระบบป้องกันสั่นไหว OIS และ EIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76″ รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 114 องศา

นอกจากฮาร์ดแวร์กล้องที่มีประสิทธิภาพ Nothing Phone (3) ยังมาพร้อม TrueLens Engine 4 อัลกอริทึมเชิงคำนวณขั้นสูง ช่วยยกระดับรูปภาพและวิดีโอให้มีคุณภาพมากขึ้น ด้วยรายละเอียดเงาที่คมชัดยิ่งขึ้น แสงไฮไลต์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และใช้ประโยชน์จาก AI อันทรงพลัง ทำให้การถ่ายภาพในชีวิตประจำวันแบบเล็งแล้วถ่ายให้เป็นผลงานชิ้นเอกที่สวยงาม

ขณะเดียวกัน TrueLens Engine 4 ยังได้รับประโยชน์จาก ISP และ AI Engine ที่อยู่ในชิป Snapdragon 8s Gen 4 สามารถประมวลผลภาพถ่ายได้เร็วขึ้นถึง 125% เมื่อเทียบกับ Nothing Phone (2) ช่วยปรับปรุงการถ่ายภาพให้ดีขึ้น สามารถลดจุดรบกวนให้น้อยลง เก็บภาพ HDR ที่สว่างขึ้น และบันทึกวิดีโอให้ลื่นไหลมากขึ้น

แอปกล้องของ Nothing Phone (3) รองรับโหมดถ่ายภาพ Action, Macro, Portrait, Photo, Video, Night, Slo-mo, Time-lapse, Panorama และ Expert

โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x (15mm)ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide ตามด้วยระยะ 1x (24mm) ,2x (50mm),3x (70mm) ,6x (140mm) สามารถซูมคมชัดได้ระยไกล 10x ,30x จนสูงสุด 60x หากต้องการใช้งานฟิลเตอร์ให้แตะลูกศรชี้ลงที่มุมบนขวา จะพบกับฟีเจอร์ทั้งหมดรวมถึง Filter อาทิ Natural, Retro, Tone, CC Film เป็นต้น แต่ละ Filter ยังสามารถปรับความเข้มได้ถึง 100 ระดับ ที่น่าสนใจคือฟิลเตอร์ขาวดำ ,Negative และ LE เหมือนถ่ายผ่านลายบนกระจกใส

เมื่อแตะลูกศรชี้ขึ้น (ใต้ปุ่มชัตเตอร์) จะพบกับ Preset ซึ่งเป็นเหมือน Filter ที่ได้รับการปรับแต่งโดยช่างภาพมืออาชีพ ช่วยให้ผู้ใช้งาน Nothing Phone (3) ถ่ายภาพได้อย่างโดดเด่น
โหมด Portrait รองรับการซูมที่ระยะ 1x / 2x / 3x / 4x สามารถปรับขนาดรูรับแสงเพื่อละลายฉากหลังได้ (F0.95 – F16) พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ 4 แบบ

โหมด Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ หรือ วัตถุที่มีขนาดเล็ก สามารถซูมได้ 2 ระยะ 3x และ 6x โหมด Action สำหรับจับภาพที่กำลังเคลื่อนไหวให้เหมือนหยุดนิ่ง สามารถซูมได้ 2 ระยะ 3x และ 6x

โหมด Video สามารถเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide ได้เช่นกัน เมื่อซูมที่ระยะ 0.6x รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที และมีโหมด Slo-mo ความละเอียด 1080p ที่ 240 / 120 เฟรมต่อวินาที หรือ Time-lapse ความละเอียดสูงสุด 4K ขณะที่ถ่ายวิดิโอไฟสีแดงด้านหลังตัวเครื่องจะกระพริบอีกด้วย

กล้องหน้า 50MP Selfie Camera

นอกจากได้รับกล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ทั้ง 3 ตัว กล้องหน้าของ Nothing Phone (3) ก็มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เช่นกัน โดยมีขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76″ รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 81.2 องศา และสามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที

โหมด Photo ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ Retouch ทำให้ใบหน้าดูดีขึ้น เลือกได้ 2 ระดับ Natural และ Strong อีกทั้งยังซูมได้ 2 ระยะ
โหมด Portrait มีฟีเจอร์ Retouch เช่นกัน รวมถึงเครื่องมือปรับขนาดรูรับแสงเพื่อละลายฉากหลัง พร้อมตัวเลือกปรับเอฟเฟกต์โบเก้




ชิปเรือธง Snapdragon 8s Gen 4

ด้านประสิทธิภาพ Nothing Phone (3) ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8s Gen 4 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลระดับเรือธงของ Qualcomm ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ 64-bit Octa Core ความเร็วสูงสุด 3.2GHz ให้ความเร็วในการประมวลผล CPU เร็วขึ้น 36% พร้อม GPU Adreno 825 ช่วยปรับปรุงกราฟิกให้ดีขึ้น 88% เมื่อเทียบกับ Nothing Phone (2)
สำหรับความจำ Nothing Phone (3) ใช้ RAM แบบ LPDDR5X จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 มี 2 ตัวเลือกได้แก่ RAM 12GB + ROM 256GB และ RAM 16GB + ROM 512GB อีกทั้งยังสามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 8GB จึงเปรียบเสมือนมี RAM สูงสุด 24GB ผ่านฟีเจอร์ RAM Boost
ทั้งนี้ ทีมงาน @flashfly ได้รับรุ่น RAM 16GB + ROM 512GB มารีวิว ซึ่งได้ผลการทดสอบประสิทธิภาพจากแอปพลิเคชัน AnTuTu เกือบ 2 ล้านคะแนน โดยจำแนกเป็นคะแนนด้าน CPU ทำได้ 467,538 คะแนน, GPU ทำได้ 779,623 คะแนน, Memory ทำได้ 441,997 คะแนน และด้าน User Experience ทำได้ 285,524 คะแนน

แบตเตอรี่ 5150mAh ชาร์จเร็ว 65W

Nothing Phone (3) มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5150mAh ที่ล้ำสมัยและให้อายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดเท่า เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นของ Nothing ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ โดยใช้แบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนที่มีความหนาแน่นของพลังงานแบตเตอรี่สูงขึ้น 10% และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W ผ่านสาย USB-C สามารถชาร์จจาก 0 – 50% ภายในเวลาเพียง 19 นาที ซึ่งชาร์จเร็วกว่าเดิม 44% เมื่อเทียบกับ Nothing Phone (2) นอกจากนี้ Nothing Phone (3) ยังรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 15W และใช้เป็น Power Bank จ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ทั้งแบบใช้สาย (7.5W) และไร้สาย (5W)



จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว

Nothing Phone (3) มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ที่มีความลึกสี 10-bit หรือ 1.07 พันล้านสี ความละเอียด 1260 x 2800 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 460 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1 มีความสว่างทั่วไป 800 นิต ความสว่างสูงสุด 4500 นิต รองรับอัตรารีเฟรชแบบปรับอัตโนมัติสูงสุด 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการกดของหน้าจอ 1000Hz และได้รับการป้องกันหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i

สรุปราคาและการจำหน่าย
Nothing Phone (3) เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ Nothing ที่โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์แบบโปร่งใส มาพร้อม Glyph Matrix ที่หาไม่ได้ในสมาร์ทโฟนรุ่นไหนในตลาด อีกทั้งยังติดตั้งกล้องความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล มาถึง 4 ตัว ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่รักการถ่ายภาพได้อย่างแน่นอน รวมถึงผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง Nothing Phone (3) ก็ตอบสนองการทำงานได้อย่างลื่นไหลด้วยชิป Snapdragon 8s Gen 4 ความจำขนาดใหญ่ แบตเตอรี่จุใจ 5150mAh และชาร์จไว 65W
Phone (3) มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 15 และ Nothing OS 3.5 โดยจะได้อัปเกรดเป็น Android 16 และ Nothing OS 4.0 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ทั้งนี้ Nothing รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันหลักนาน 5 ปี และอัปเดตระบบความปลอดภัยนานถึง 7 ปี

Phone (3) มีให้เลือก 2 สีสุดคลาสสิกทั้ง Black และ White ความจุ 12 GB + 256 GB ในราคา 27,999 บาท และ ความจุ 16 GB + 512 GB ในราคา 30,999 บาท
สำหรับประเทศไทย ผู้ใช้งานจะมีโอกาสเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกของโลกที่ได้ครอบครอง Phone (3) และ Headphone (1) ก่อนใครกับ Limited Drop เปิดขายรอบพิเศษที่ Nothing Store (One Bangkok) และ Carnival (CentralWorld) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการสั่งซื้อ Phone (3) รับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี พร้อมของสมนาคุณสุดพิเศษ Nothing Ear, Nothing Cap และ Nothing Tote Bag และสำหรับการสั่งซื้อ Headphone (1) รับของแถม Nothing Headphone Protective Cover ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดมีจำนวนจำกัด โดยจะให้สิทธิสำหรับผู้ที่ถึงก่อน ตามลำดับคิวการสั่งซื้อ
สำหรับการพรีออเดอร์ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย Nothing ที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ รายละเอียดดังนี้
- Phone (3) ความจุ 16 GB + 512 GB จะเริ่มเปิดให้สั่งพรีออเดอร์ พร้อมรับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี ซึ่งมีจำนวนจำกัด ตามลำดับการสั่งซื้อ ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ dotlife, Jaymart, Banana, Mocare, Powerbuy, Power Mall และ Pro Gadgets, ผู้บริการเครือข่าย AIS และช่องทางออนไลน์ Lazada, Shopee และ Alottech ซึ่งจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมเป็นต้นไป
- Phone (3) ความจุ 12 GB + 256 GB จะเปิดขายเฉพาะวันที่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมเป็นต้นไป
- สำหรับการพรีออเดอร์ Headphone (1) จะได้รับ Nothing Headphone Protective Cover โดยสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ได้ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เช่นเดียวกัน ผ่านร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่ dotlife, Jaymart, Banana, Powerbuy และ Munkong และช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee ซึ่งจะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมเป็นต้นไป
ไม่เพียงเท่านี้ Nothing ยกระดับประสบการณ์หลังการขาย ด้วยบริการสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง โทร 1800 018 320 รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมศูนย์บริการ 10 แห่ง และจุดรับส่งสินค้า (Drop-off locations) ใกล้บ้านคุณ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการได้ที่ https://th.nothing.tech/pages/service-center ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป





