Friday, May 30, 2025
  • Contact us
Flashfly Dot Net
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
  • Home
    • Flashfly Online Channel
    • Feature
    • Tips&Tricks
  • NEWS
    • PR News
    • Lifestyle
  • Samsung
  • Vivo
  • OPPO
  • iPhone
  • Smartphone
    • App Free
    • Nokia
    • Windows 10
    • Android
    • BlackBerry 10
  • Games
    • Playstation
    • Nintendo
  • Review & Preview
  • Contact us
No Result
View All Result
Flashfly Dot Net
No Result
View All Result
Home Feature

รีวิว Apple Watch Series 8 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ตรวจจับการชน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิและดูแลสุขภาพอย่างครบครัน

Jackrich T. by Jackrich T.
November 7, 2022
in Feature, iPhone, NEWS, Recommended, Review & Preview
0
SHARES
4.3k
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Apple Watch รุ่นใหม่ในปีนี้ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Apple Watch SE รุ่นที่ 2, Apple Watch Series 8 และ Apple Watch Ultra โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว ซึ่งออกมาทำตลาดแทนที่ Series 7 ในปีที่แล้ว ส่วนจะมีความเหมือนหรือแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร และมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เลื่อนลงมาอ่านรีวิวกันได้เลย

สเปก Apple Watch Series 8

  • จอภาพ LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display
  • ชิป SiP รุ่น S8 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64-bit, ชิประบบไร้สาย W3 และ ชิป U1 (Ultra Wideband)
  • ความจุ 32GB ทั้งรุ่น GPS + Cellular และ GPS  
  • ตรวจจับการชนกัน, ตรวจจับการล้ม, ตรวจสอบเสียงรบกวน, ติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ, ติดตามค่าอุณหภูมิ, ติดตามรอบเดือน
  • เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3, มาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด, เข็มทิศ, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง, ไจโรสโคปแบบช่วงไดนามิกสูง, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
  • ระบบนำทาง GPS (L1), GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
  • ลำโพงและไมโครโฟนในตัว
  • SOS ฉุกเฉิน, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
  • ผ่านการรับรองทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร และทนฝุ่นที่ระดับ IP6X
  • การเชื่อมต่อรุ่น GPS: Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
  • การเชื่อมต่อรุ่น GPS + Cellular: 4G LTE, 3G UMTS, Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
  • แบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
  • ขนาดตัวเรือน (45 มม.) 45 x 38 มม. x 10.7 มม. 
  • น้ำหนัก (45 มม.) 38.8 – 51.5 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)
  • ขนาดตัวเรือน (41 มม.) 41  x 35 x 10.7 มม. 
  • น้ำหนัก (41 มม.) 31.9 – 42.3 กรัม (อะลูมิเนียม – สแตนเลสสตีล)

แกะกล่อง Apple Watch Series 8

Apple Watch Series 8 จัดส่งมาในกล่องรูปทรงแท่งสีขาวแบนๆ มีกระดาษห่อหุ้มชั้นนอก ด้านบนมีโลโก้ Apple Watch ข้างใต้ระบุชื่อรุ่น ขนาดตัวเรือน และอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง โดย Apple Watch Series 8 ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เป็นรุ่น 45 มม. ตัวเรือนอะลูมิเนียม สีมิดไนท์ พร้อมสาย Sport Band สีมิดไนท์เช่นกัน


เมื่อแกะแผ่นกระดาษชั้นนอกออกมา จะพบว่าภายในแบ่งออกเป็น 2 กล่อง โดยกล่องบนพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ Apple Watch อีกกล่องพิมพ์รูปภาพสาย  Apple Watch บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าแต่ละกล่องเก็บอะไรไว้


กล่อง Apple Watch Series 8 ปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวตรงขอบกล่องทั้ง 2 ด้าน เมื่อลอกแถบกระดาษกาวออกไป ก็สามารถยกฝากล่องขึ้นได้อย่างง่ายดาย และภายในกล่องจะพบกับตัวเรือน Apple Watch วางแยกช่องกับซองเอกสารต่างๆ 

ใต้ช่องเก็บเอกสาร จะพบสายชาร์จแบบแม่เหล็กที่ใช้พอร์ต USB-C

สำหรับกล่องบรรจุสาย Apple Watch ก็ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวเช่นกัน ภายในมีสายให้เลือกใช้ตามขนาดข้อมือ ได้แก่ M/L และ S/M พร้อมด้วยแผ่นพับแนะนำวิธีการติดตั้งสายกับตัวเรือน

ดีไซน์เดิมเน้นเพิ่มเติมนวัตกรรม

ดีไซน์โดยรวมของ Apple Watch Series 8 แทบจะแยกไม่ออกว่าแตกต่างไปจากรุ่นก่อนอย่างไรบ้าง เนื่องจาก Apple มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมใหม่ อีกทั้ง Apple Watch Series 7 ก็ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่ไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอให้ Apple เปลี่ยนแปลงดีไซน์ในช่วงเวลาที่ห่างกันเพียง 1 ปี 

ตัวเรือน Apple Watch Series 8 มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ทั้ง 2 ขนาดมีวัสดุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ อะลูมิเนียม และ สแตนเลสสตีล โดยตัวเรือนอะลูมิเนียม ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีให้เลือก 4 สี ได้แก่  สีสตาร์ไลท์, สีเงิน, สีแดง (PRODUCT)RED และ สีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับ Series 8 มารีวิว เรียกว่าสีมิดไนท์ ขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีลมาในสีเงิน, สีกราไฟต์ และ สีทอง


ด้านหน้าเป็นคริสตัลที่มีความหนาพร้อมฐานที่แบน เพื่อความแข็งแกร่ง และทนทานต่อการแตกร้าว มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina แบบ Always-On Display สามารถมองหน้าจอเพื่อดูข้อมูลต่างๆ ได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องปลุกหน้าจอ ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต ป้องกันรอยด้วยกระจกหน้า Ion‑X สำหรับตัวเรือนอะลูมิเนียม และใช้ผลึกแซฟไฟร์สำหรับตัวเรือนสแตนเลสสตีล

ด้านหลังใช้วัสดุเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับวัดสุขภาพทั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 และมีเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิเพิ่มเข้ามา แต่ไม่ได้ใช้สำหรับวัดไข้อย่างที่เคยมีข่าวลือ ส่วนจะมีความสำคัญอย่างไร? อ่านต่อไปก็จะได้ทราบกัน

ด้านข้างตัวเรือนมีปุ่ม Digital Crown ตอบสนองแบบสั่นเมื่อถูกหมุน ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และปุ่มกดด้านข้าง

อีกข้างเป็นช่องลำโพง ส่วนความบางนั้นอยู่ที่ 10.7 มม. เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด  41 มม. หรือ 45 มม. 

นอกจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน Apple Watch Series 8 ยังได้รับรองมาตรฐานกันฝุ่นที่ระดับ IP6X และยังป้องกันน้ำถึง 50 เมตร (WR50) ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 จึงสามารถสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมในน้ำตื้น อย่างว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ควรสวมใส่ลงไปดำน้ำลึก หรือ เล่นกีฬาผาดโผนทางน้ำ

จอแสดงผล


Apple Watch Series 8 มาพร้อมจอแสดงผล LTPO OLED Retina ความละเอียด 396 x 484 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 1,143 ตร.มม. สำหรับรุ่น 45 มม. และ ความละเอียด 352 x 430 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 904 ตร.มม. สำหรับรุ่น 41 มม.

ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 41 มม. หรือ 45 มม. ต่างก็มีพื้นที่จอภาพที่กว้างสุดขอบ ให้พื้นที่ใหญ่ขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 6 ให้ความสว่าง 1,000 นิต และรองรับการแสดงผลแบบ Always-On จึงมองเห็นหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่ได้ยกข้อมือขึ้นมา นอกจากนี้ จอภาพขนาดใหญ่ยังรองรับกลไกหน้าปัดได้ทั้งหมด และยังช่วยให้การแตะ พิมพ์ หรือปัดทำได้อย่างรวดเร็ว

ติดตามค่าอุณหภูมิ

Apple Watch Series 8 ได้รับเซ็นเซอร์ใหม่ สำหรับตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้สวมใส่ และติดตั้งมาให้ 2 ตัว (เซ็นเซอร์ตัวหนึ่งจะอยู่ที่ด้านหลังของนาฬิกาซึ่งใกล้กับผิวหนังที่สุด และเซ็นเซอร์อีกตัวจะอยู่ใต้จอภาพ) ช่วยบันทึกอุณหภูมิบนข้อมือเพื่อคาดคะเนช่วงไข่ตก และคาดคะเนรอบเดือน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้าสวมใส่ที่เป็นผู้หญิง ที่กำลังวางแผนการมีบุตร นอกจากนี้ ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือน ยังสามารถส่งการแจ้งเตือน หากประวัติรอบเดือนที่บันทึกไว้แสดงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาไม่สม่ำเสมอ หรือ มานานกว่าปกติ

เมื่อผู้ใช้งานสวม Apple Watch Series 8 ในเวลากลางคืน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ จะสุ่มตรวจตัวอย่างอุณหภูมิจากข้อมือทุกๆ 5 วินาที เพื่อให้ผู้ใช้งานดูความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของร่างกายในตอนกลางคืน และสามารถเทียบกับช่วงที่ผ่านมาได้ในแอปสุขภาพ โดยเซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุดได้ถึง 0.1 องศาเซลเซียส ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ

ตรวจจับการชนกัน

นอกเหนือจากฟีเจอร์ตรวจจับการล้ม Apple Watch Series 8 ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฟีเจอร์ตรวจจับการชนกัน หรือ Crash Detection ทำให้ Apple Watch รุ่นใหม่ สามารถตรวจจับได้ว่าผู้สวมใส่ประสบเหตุรถชน หรือ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างรุนแรง หลังจากตรวจจับการชนแล้ว Apple Watch Series 8 จะโทรไปยังบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานไม่ตอบสนอง พร้อมแจ้งเตือนไปยังผู้ที่อยู่ในรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน และส่งตำแหน่งปัจจุบันไปให้หน่วยบริการฉุกเฉินด้วย

ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันใน Apple Watch Series 8 อาศัยการทำงานร่วมกันของไจโรสโคปแบบ 3 แกนม เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง ตรวจจับแรง g ได้สูงสุด 256, ไมโครโฟน, บารอมิเตอร์, GPS รวมถึงอัลกอริทึมแบบรวมเซ็นเซอร์ขั้นสูง ซึ่งพัฒนาขึ้นจากข้อมูลการขับขี่และการชนกันที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงกว่า 1 ล้านชั่วโมง สำหรับตรวจจับเหตุรถชนอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ การโทรออกไปยังหน่วยฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ ทำได้เฉพาะ Apple Watch รุ่น GPS + Cellular กรณีใช้รุ่น GPS จะต้องจับคู่กับ iPhone ที่อยู่ใกล้ เพื่อให้ระบบอัตโนมัติโทรผ่าน iPhone (ฟีเจอร์ตรวจจับการชนกันยังมีอยู่ใน Apple Watch Ultra, Apple Watch SE รุ่นที่ 2 และ iPhone 14 ทุกรุ่น)

ติดตามสุขภาพ

ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครัน ที่มีมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ ก็ยังถูกถ่ายทอดมาถึง Apple Watch Series 8 ไม่ว่าจะเป็นการวัดออกซิเจนในเลือด  (SpO2) ที่ให้ผู้ใช้งานอ่านค่าออกซิเจนในเลือดได้ทุกเมื่อที่ต้องการผ่านแอปออกซิเจนในเลือด และยังทำการอ่านค่าที่วัดได้ในเบื้องหลังทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย

ผู้ใช้ Apple Watch Series 8 ยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ทันทีที่ต้องการ ด้วยแอปอัตราการเต้นของหัวใจ และยังมีการแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ หาก Apple Watch พบว่าผู้สวมใส่มีอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วหรือช้าผิดปกติ รวมถึงยังมี ECG การวัดคล่นไฟฟ้าหัวใจอีกด้วย


สำหรับผู้ใช้งานที่มีโรคประจำตัว หรือ มีอาการป่วยจนต้องรับประทานยา Apple Watch Series 8 ก็สามารถแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาทานยาหรือวิตามิน โดยเข้าไปบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับตัวยาหรือวิตามินในแอปทานยา สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่มีอาการป่วย แต่มีอาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ ก็สามารถใช้แอปทานยาบันทึกข้อมูลของอาหารเสริมได้เช่นกัน ช่วยป้องกันไม่ให้ลืมทานเมื่อถึงเวลา

Apple Watch Series 8 ยังสามารถติดตามสุขภาพการนอนหลับ ซึ่งจะคอยบันทึกข้อมูลการนอนหลับขณะสวมใส่ในเวลากลางคืน และตื่นมาดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่าใช้เวลานอนในระยะหลับฝัน นอนหลับจริง หรือหลับลึกมากแค่ไหน เพื่อปรับปรุงการนอนหลับในคืนต่อไป

ติดตามการออกกำลังกาย

แอปการออกกำลังกาย ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ด้วย watchOS 9 ที่มาพร้อมมุมมองใหม่ๆ ในระหว่างเซสชั่น เช่น เซ็กเมนต์ สปลิทส์ และ ระดับความสูง ให้ข้อมูลการออกกำลังกายที่แม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานยังสามารถยกระดับการฝึกซ้อมไปอีกขั้นด้วยประสบการณ์การออกกำลังกายขั้นสูงที่มีทั้งโซนอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกายแบบกำหนดเอง ตัววัดเวลาเฉลี่ย

โซนอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถรับรู้ว่าผู้ใช้สวมใส่ออกกำลังกายเข้มข้นแค่ไหน เพื่อคำนวณและปรับแต่งโดยอัตโนมัติผ่านการใช้ข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้งาน หรือคุณจะสร้างขึ้นเองก็ได้ 

Apple Watch Series 8 ยังสามารถปรับแต่งช่วงเวลาการออกกำลังกายและการฟื้นฟูให้เหมาะกับสไตล์การออกกำลังกายของผู้ใช้งาน และคอยส่งการแจ้งเตือนเกี่ยวกับเวลาเฉลี่ยต่อระยะทาง อัตราการเต้นของหัวใจ ความเร็วรอบขา และ พลังงานได้อีกด้วย

แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 36 ชั่วโมง

Apple Watch Series 8 มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง แต่ด้วยโหมดประหยัดพลังงานใหม่ (Low Power Mode) จึงสามารถยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม Low Power Mode จะปิดใช้งานหรือจำกัดการทำงานของเซ็นเซอร์และคุณสมบัติบางตัวชั่วคราว รวมถึงปิดการแสดงผลแบบ Always-On รวมถึงปิดฟีเจอร์การเริ่มออกกำลังกายอัตโนมัติ การแจ้งเตือนสุขภาพหัวใจ และ อื่นๆ

watchOS 9

Apple Watch Series 8 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ watchOS 9 ที่ช่วยยกระดับการออกกำลังกายของผู้สวมใส่ที่เป็นนักไตรกีฬา ที่ทำกิจกรรมทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือวิ่งต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ก็มีการออกกำลังกายแบบมัลติสปอร์ตที่จะตรวจจับโดยอัตโนมัติ แล้วสลับระหว่างการออกกำลังกายแต่ละประเภทได้ง่ายๆ watchOS 9 ยังช่วยติดตามว่าผู้ใช้วิ่งอย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยค่าฟอร์มการวิ่งใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มลงในมุมมองขณะออกกำลังกายได้มีทั้งความยาวก้าว ระยะเวลาสัมผัสพื้น และการกระเด้งตัวในแนวดิ่ง

แอปเข็มทิศใน watchOS 9 สามารถดึงข้อมูลเชิงลึกขึ้นมาแสดงมากขึ้นใน 3 มุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองแบบผสม ที่แสดงทั้งหน้าปัดเข็มทิศแบบอนาล็อกพร้อมๆ กับมุมมองแบบดิจิทัลได้ เมื่อหมุน Digital Crown ผู้ใช้จะเห็นมุมมองอื่นๆ เพิ่มเติมที่แสดงละติจูด ลองจิจูด ระดับความสูง และความชัน รวมทั้งมุมมองสำหรับการใช้เข็มทิศนำทางที่แสดงจุดอ้างอิงเข็มทิศและการติดตามการเดิน


ฟีเจอร์ติดตามการเดิน จะใช้ข้อมูล GPS เพื่อสร้างเส้นทางที่ผู้ใช้เดินผ่านมา ซึ่งมีประโยชน์ในกรณีที่หลงทิศหรือหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือในการเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้คุณสมบัตินี้ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณได้ด้วย และยังมีฟีเจอร์จุดอ้างอิงเข็มทิศ เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วในการปักตำแหน่งหรือจุดสนใจลงในแอปโดยตรง แตะไอคอนจุดอ้างอิงเข็มทิศเพื่อวางจุดอ้างอิง เมื่อเลือกจุดอ้างอิง ก็จะเห็นมุมมองแบบเจาะจงที่แสดงทิศทางของจุดอ้างอิงนั้น รวมถึงระยะทางโดยประมาณว่าจุดอ้างอิงนั้นอยู่ห่างออกไปเท่าไหร่

ผู้ใช้ Apple Watch ด้วยฟีเจอร์ ECG ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ประวัติภาวะ AFib ที่ผ่านการรับรองโดย US FDA และเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ รวมถึงค่าโดยประมาณว่าจังหวะการเต้นของหัวใจแสดงสัญญาณของภาวะ AFib บ่อยแค่ไหน และยังดูประวัติโดยละเอียดได้ในแอปสุขภาพบน iPhone รวมถึงปัจจัยในการใช้ชีวิตที่อาจส่งผลต่อภาวะ AFib 

watchOS 9 ยังเพิ่มหน้าปัดนาฬิกา Nike ให้ผู้ใช้ Apple Watch ทุกรุ่น (ที่รองรับ watchOS 9) ได้ดาวน์โหลดไปใช้ และสามารถซื้อสาย Nike แบบ Sport Band และสายแบบ Sport Loop ใหม่พร้อมโลโก้ “Just Do It” ที่ถักทอลงบนสาย มาสลับเปลี่ยนได้เอง

สรุปราคาและการจำหน่าย

Apple Watch Series 8 ถูกสร้างมาทำตลาดแทนที่ Apple Watch Series 7 โดยยกคุณสมบัติทุกอย่างที่ดีอยู่แล้วจากรุ่นก่อนมาอยู่ในรุ่นใหม่ และเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างการตรวจจับการชน เซ็นเซอร์ติดตามค่าอุณหภูมิ และยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน ทำงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังมีความสามารถอีกมากมายจาก watchOS 9 ทำให้ Apple Watch Series 8 เป็นทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัว และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติของร่างกายได้ทันท่วงที เหมาะสำหรับผู้ใช้งาน Apple Watch รุ่นเก่าที่ต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ Apple Watch Series 8 พร้อมวางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท  




Tags: Apple WatchApple Watch Series 8Review
ShareTweetShare

Related Posts

รีวิว HUAWEI WATCH FIT 4 Pro ราคาไม่อัลตร้า แต่กล้าให้ฟีเจอร์ระดับโปร! โหมดกีฬาระดับโปร รองรับ ECG โดดเด่นด้วยดีไซน์เท่ แบตอึดยาวนาน
Feature

รีวิว HUAWEI WATCH FIT 4 Pro ราคาไม่อัลตร้า แต่กล้าให้ฟีเจอร์ระดับโปร! โหมดกีฬาระดับโปร รองรับ ECG โดดเด่นด้วยดีไซน์เท่ แบตอึดยาวนาน

May 29, 2025
ชมคอนเซ็ปต์ Apple Watch X มาพร้อมกล้อง FaceTime มีฟีเจอร์วัดความดันโลหิต
iPhone

Apple ล้มแผนติดกล้องใน Apple Watch ที่เคยตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2027

May 26, 2025
รีวิว OPPO Watch X2 สมาร์ตวอตช์ระดับพรีเมียม สร้างสรรค์เพื่อความเป็นเลิศ แรงบันดาลใจแห่งท้องฟ้า
Feature

รีวิว OPPO Watch X2 สมาร์ตวอตช์ระดับพรีเมียม สร้างสรรค์เพื่อความเป็นเลิศ แรงบันดาลใจแห่งท้องฟ้า

May 26, 2025
Load More
  • ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    ยินดีต้อนพับ!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy Z Fold5, Galaxy Z Flip5, Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series พร้อมบุกตลาดประเทศไทยแล้ว

    356 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วาร์ปสู่โลกใหม่!! สัมผัสเครื่องจริง Samsung Galaxy S24 Series ครบทุกรุ่นทุกสี พร้อมใช้งาน Galaxy AI สุดล้ำ

    101 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+ แท็บเล็ตสุดคุ้มจอ 11 นิ้วรีเฟรช 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับ 5G ระบบเสียง Dolby Atmos ราคา 8,990 บาท

    0 shares
    Share 0 Tweet 0
  • รีวิว Samsung Galaxy S23 FE มาอย่างพี๊คคค สเปกแฟล็กชิป ในราคาเป็นมิตร จอ 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว 50MP ซูม 3x คมกริบ แบต 4,500mAh

    502 shares
    Share 0 Tweet 0
  • วิธีเปลี่ยนภาพความละเอียดต่ำให้คมชัดด้วยเทคโนโลยี AI ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆได้ที่นี่

    2 shares
    Share 2 Tweet 0

Browse by Category

  • AIS
  • Android
  • App Free
  • BlackBerry 10
  • dtac
  • EV Car
  • Feature
  • Flashfly Online Channel
  • Games
  • iPhone
  • Lifestyle
  • NEWS
  • Nintendo
  • Nokia
  • OPPO
  • Playstation
  • PR News
  • Recommended
  • Review & Preview
  • Samsung
  • Smartphone
  • Tips&Tricks
  • Truemove H
  • Windows Phone

Recent News

HUAWEI จะสามารถผลิตชิป 3 นาโนเมตร อย่างเร็วที่สุดในปีหน้า

HUAWEI จะสามารถผลิตชิป 3 นาโนเมตร อย่างเร็วที่สุดในปีหน้า

May 30, 2025

vivo Pad5 เปิดตัวแล้ว มาพร้อมชิป Dimensity 9300+ จอแสดงผล 144Hz ขนาด 12.1 นิ้ว

May 30, 2025
  • About
  • Advertise
  • Privacy & Policy
  • Contact

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');

No Result
View All Result
  • NEWS
  • Review & Preview
  • iPhone
  • Android
  • Smartphone
  • Games

© 2021 FlashFly.net. window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-6SFV8YRF40');