Apple พร้อมแล้วสำหรับการทำตลาดหูฟังไร้สาย AirPods Pro 3 ในประเทศไทย ซึ่งมาแทนที่ AirPods Pro 2 ที่เปิดตัวเมื่อ 3 ปีก่อน โดยชูจุดเด่นที่ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ มีประสิทธิภาพดีขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถติดตามการออกกำลังกายได้มากถึง 50 ประเภท แม้ไม่มี Apple Watch รองรับฟีเจอร์ Live Translation แปลภาษาแบบเรียลไทม์ ที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence และได้รับการออกแบบใหม่ให้พอดีกับช่องหูมากขึ้น
สเปก AirPods Pro 3
- ไดรเวอร์ High-excursion แบบเฉพาะของ Apple
- ตัวขยายสัญญาณช่วงไดนามิกสูง
- เสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม (Adaptive Audio)
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (Active Noise Cancellation)
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency mode)
- การรับรู้เมื่อมีการสนทนา (Conversation Awareness)
- ระดับเสียงเฉพาะบุคคล (Personalized Volume)
- การแยกเสียง (Voice Isolation)
- การลดเสียงดังรบกวน (Loud Noise Reduction)
- ระบบช่องระบายอากาศเพื่อการรักษาแรงดันให้เท่ากัน
- ระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) พร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก
- Equalizer แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ)
- การบันทึกเสียงคุณภาพระดับสตูดิโอ
- ชิปหูฟัง Apple H2 ใน, ชิป Ultra Wideband ในเคสชาร์จ
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจสำหรับการออกกำลังกาย
- เซ็นเซอร์เซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนัง
- เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวจากการพูด
- ไมโครโฟนคู่บีมฟอร์มมิ่ง
- ไมโครโฟนหันเข้าด้านใน
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- มาตรฐานทนฝุ่น เหงื่อ และน้ำ ระดับ IP57 (ทั้งหูฟังและเคสชาร์จ)
- ขนาดหูฟังแต่ละข้าง 30.9 x 19.2 x 27.0 มิลลิเมตร
- น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 5.55 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 47.2 x 62.2 x 21.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 43.99 กรัม
แกะกล่อง AirPods Pro 3
AirPods Pro 3 จัดส่งมาในกล่องสีขาว ตามสไตล์ผลิตภัณฑ์ของ Apple และมีรูปแบบกล่องเหมือนรุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม ฉลากใต้กล่องจะเห็นว่ามีการระบุชื่อ AirPods Pro 3 ไว้ชัดเจน
ภายในกล่องไม่ได้แถมสายชาร์จ USB-C มาให้แล้ว ดังนั้น เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบกับคู่มือ (รวมถึงใบรับรองจาก กสทช.) เคสชาร์จ MagSafe ที่มีหูฟัง AirPods Pro 3 อยู่ภายใน และ แถมจุกหูฟังซิลิโคนมาให้ 5 ขนาด ได้แก่ XXS, XS, S, M, L (ขนาด M ถูกติดตั้งมาให้อยู่แล้ว) ที่น่าสนใจคือรุ่นนี้ Apple ไม่แถมสายชาร์จมาให้แล้ว หมายความว่าให้ไปชาร์จกับ iPhone แทน
ดีไซน์กระชับมากขึ้น
ดีไซน์ภาพรวมของ AirPods Pro 3 อาจจะดูคล้าย AirPods Pro 2 แต่ก็ไม่เหมือนกันทั้งหมด และยังมองเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนตั้งแต่เคสชาร์จ เนื่องจากมีการซ่อนไฟ LED ไว้ใต้พื้นผิว ซึ่งมองไม่เห็นจนกว่าจะเปิดฝาหรือไฟจะสว่างขึ้นมา ก็จะพบว่าไฟแสดงสถานะยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
ด้านข้างยังมีรูสำหรับร้อยสายคล้องหรือพวงกุญแจมาให้ตั้งแต่รุ่นก่อน
ด้านหลังเคส รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe หรือจะชาร์จร่วมกับที่ชาร์จของ Apple Watch ก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงแท่นชาร์จไร้สายที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Qi
ด้านล่างหรือใต้เคส มีพอร์ตชาร์จ USB-C พร้อมลำโพงสำหรับใช้งานร่วมกับแอป Find My ซึ่ง AirPods Pro 3 ได้รับการปรับปรุงการค้นหาตำแหน่งให้แม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยชิป Ultra Wideband รุ่นที่ 2
ในส่วนของหูฟัง ได้รับการปรับปรุงให้สวมใส่ได้กระชับมากขึ้น โดยทีมออกแบบของ Apple ได้ทำการศึกษาวิจัยผู้ใช้งานกว่า 100,000 ชั่วโมง จากการสแกนหูกว่า 10,000 ครั้ง ทำให้ AirPods Pro 3 เป็นหูฟังไร้สายที่ใส่ได้พอดีและกระชับติดหูที่สุดในบรรดา AirPods ของ Apple เท่าที่เคยมีมาจนถึงปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมภายใน AirPods Pro 3 ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ AirPod แต่ละข้างเล็กลง และมาพร้อมจุกหูฟังใหม่ที่มีชั้นโฟม ช่วยเพิ่มความกระชับติดหูมากขึ้น รวมถึงมีส่วนช่วยในการป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังแถมจุกฟูฟังมาให้ถึง 5 ขนาด โดยเพิ่มขนาด XXS มาให้ด้วย จากเดิมที่มีขนาด XS, S, M และ L
หูฟัง AirPods Pro 3 สามารถควบคุมการใช้งานด้วยคำสั่งเสียงเพียงพูดว่า “หวัดดี Siri” แล้วขอให้ทำสิ่งต่างๆ เช่น เล่นเพลง หรือ โทรออก และยังรองรับการควบคุมด้วยท่าทางผ่านการสัมผัส ตามตัวอย่างคำสั่งต่อไปนี้
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดพักสื่อ
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อรับสาย ปิดเสียงหรือเปิดเสียง
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อใช้รีโมทกล้อง
- บีบสองครั้ง เพื่อวางสาย
- บีบสองครั้ง เพื่อข้ามไปข้างหน้า
- บีบสามครั้ง เพื่อข้ามไปข้างหลัง
- บีบค้างไว้ เพื่อสลับระหว่างโหมดการฟัง
- เลื่อนขึ้นหรือลง เพื่อปรับระดับเสียง
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน AirPods Pro 3 ได้รับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจสำหรับการออกกำลังกาย สำหรับใช้ในระหว่างออกกำลังกายด้วยแอปฟิตเนสบน iPhone ที่ทำงานบน iOS 26 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า
นอกจากนี้ AirPods Pro 3 ยังมีความทนทานต่อฝุ่น เหงื่อ และ น้ำ ได้ดีกว่ารุ่นก่อน โดยรองรับมาตรฐาน IP57 (ทั้งหูฟังและเคสชาร์จ) จากรุ่นก่อนที่รองรับมาตรฐาน IP54 ทำให้ AirPods Pro 3 สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่ยากจะคาดเดา รวมถึงการออกกำลังกายที่หนักหน่วง
ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้นสูงสุด 4 เท่า
AirPods Pro 3 ใช้สถาปัตยกรรมเสียงอะคูสติกแบบมัลติพอร์ตที่ออกแบบมาใหม่ ช่วยควบคุมการไหลของอากาศที่ส่งเสียงเข้าหูได้อย่างแม่นยำ ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงเสียงเชิงมิติพื้นที่ แต่ยังช่วยให้ระบบปรับเสียง EQ อัตโนมัติทำงานได้ดีขึ้น ตอบสนองเสียงเบสได้ดีขึ้นอย่างมาก มิติเสียงกว้างมากขึ้น จึงได้ยินรายละเอียดของเครื่องดนตรีได้ครบถ้วนทุกชิ้น ความชัดเจนของ เสียงในย่านความถี่สูง ชัดเจนดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือ โทรคุย และเมื่อเปิดโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency Mode) เสียงพูดของผู้ใช้งานและคู่สนทนาก็ฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม
ที่น่าสนใจก็คือ AirPods Pro 3 ได้รับการปรับปรุงระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟให้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยระบบประมวลผลเสียงขั้นสูง ทำงานร่วมกับไมโครโฟนที่จับเสียงรบกวนได้แม้ในระดับที่เบามากๆ และชั้นโฟมด้านในของจุกหูฟังแบบใหม่ ส่งผลให้ AirPods Pro 3 มีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนได้ดีกว่า AirPods Pro 2 ถึง 2 เท่า และดีกว่า AirPods Pro รุ่นแรก ถึง 4 เท่า
มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
เป็นครั้งแรกที่ Apple ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจให้กับหูฟัง AirPods เพื่อยกระดับการออกกำลังกายให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น โดยใช้เซ็นเซอร์ Photoplethysmography (PPG) ใน AirPods Pro 3 จะฉายแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นจังหวะ 256 ครั้งต่อวินาที เพื่อวัดการดูดซับแสงในกระแสเลือดระหว่างการออกกำลังกาย
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจของ AirPods Pro 3 จะผสานการทำงานกับเซ็นเซอร์ Accelerometers, Gyroscope, GPS และ โมเดล AI ของ iPhone เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามการออกกำลังกายใหม่ๆ ได้สูงสุดถึง 50 ประเภท รวมถึงติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ แคลอรี่ที่เผาผลาญ ปิดวงแหวนการเคลื่อนไหว และพิชิตรางวัลจากแอปฟิตเนส
นอกจากนี้ AirPods Pro 3 ยังสามารถใช้งาน Workout Buddy ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านฟิตเนสที่ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence โดยระบบจะนำข้อมูลการออกกำลังกายในปัจจุบันของผู้ใช้งานมาเทียบกับประวัติฟิตเนสส่วนตัว เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึก และข้อเสนอแนะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้งานปรับปรุงการออกกำลังกายในครั้งต่อไป
รองรับการแปลภาษาสด (Live Translation)
AirPods Pro 3 ได้รับฟีเจอร์ใหม่การแปลภาษาสด หรือ Live Translation ที่ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสนทนากับชาวต่างชาติที่ใช้คนละภาษาได้ง่ายขึ้น เหมือนพูดภาษาเดียวกัน แต่อีกฝ่ายต้องสวมหูฟังที่รองรับฟีเจอร์ Live Translation เช่นเดียวกัน และยังแสดงคำแปลบนหน้าจอ iPhone เพื่อให้อีกฝ่ายที่ไม่มี AirPods เข้าใจได้ว่าผู้ใช้งานกำลังพูดอะไร
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Live Translation บน AirPods จำเป็นต้องจับคู่กับ iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence และใช้ iOS 26 ขึ้นไป อีกทั้งในช่วงแรก ยังรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, โปรตุเกส, สเปน แต่กำลังจะเพิ่มอีก 4 ภาษา ได้แก่ อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี และ จีน ในช่วงปลายปีนี้
แน่นอนว่ายังไม่รองรับภาษาไทย วิธีเปิดใช้งานก็ง่ายมากแค่บีบปุ่มที่หูฟังทั้ง 2 ข้างค้างไว้เท่านั้น
อายุการใช้งานแบตเตอรี่ดีกว่าเดิม 33%
แบตเตอรี่ในหูฟัง AirPods Pro 3 ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (เมื่อเปิดใช้งานการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ) ซึ่งนานขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 33% และเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ จะสามารถยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานสูงสุด 24 ชั่วโมง (เมื่อเปิดใช้งานการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ) อีกทั้งยังรองรับชาร์จไว เพียงชาร์จหูฟังในเคส 5 นาที ก็สามารถใช้ฟังได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง
สรุปราคาและการจำหน่าย
AirPods Pro 3 ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ที่ถูกปรับให้กระชับ สวมใส่ได้มั่นคงแม้ระหว่างออกกำลังกาย ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่ารุ่นก่อน 2 เท่า จึงให้ประสบการณ์การฟังที่ดียิ่งขึ้น จากเดิมที่ทำได้ดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ AirPods Pro 3 ยังติดตามการออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และรองรับความสามารถอัจฉริยะอย่าง Live Translation ถึงแม้รุ่นก่อนจะได้รับการอัปเกรดทางซอฟต์แวร์ให้ใช้งานได้เช่นกัน แต่ AirPods Pro 3 ก็ยังเหนือกว่าที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และด้วยระยะเวลาการเปิดตัวที่ทิ้งห่างจากรุ่นก่อนหน้านานถึง 2 – 3 ปี ทำให้ AirPods Pro 3 เหมาะสำหรับเจ้าของ AirPods Pro รุ่นแรกและรุ่นที่ 2 ที่ต้องการอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด
ทั้งนี้ AirPods Pro 3 ยังคงมีให้เลือกเฉพาะสีขาว วางจำหน่ายในราคา 8,490 บาท ถือว่าถูกลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ AirPods Pro 2 ที่มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe (USB-C) ซึ่งเปิดตัวในปี 2023 กับราคา 8,990 บาท
https://www.apple.com/th/shop/buy-airpods/airpods-pro-3
